ตกต่ำไปอีก! ทางการไทยบุกจับ-บังคับสึกพระชาวกัมพูชา แม้ได้สถานะผู้ลี้ภัยแล้ว

ทางการไทยบุกจับ-บังคับสึกพระชาวกัมพูชา ที่ได้สถานะลี้ภัยจากสหประชาชาติแล้ว กมธ.สภา อัดยับ ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและขัดต่อข้อตกลงระหว่างประเทศหลายฉบับ  ล่าสุด สถานทูตสวิตเซอร์แลนด์ออกวีซ่าฉุกเฉินให้กับบุคคลดังกล่าวแล้ว 

กรณี เว็บไซต์ Radio Free Asia ได้เปิดเผยเรื่องราว เจ้าหน้าที่ของไทยได้เข้าบุกจับกุมตัวและบังคับสึกนักเคลื่อนไหวชาวกัมพูชาที่มาบวชเป็นพระ ทั้งๆที่ได้สถานะเป็นผู้ลี้ภัยแล้ว ทั้งนี้ มีความกังวลจากหลายฝ่ายว่า ทางการไทยเข้าจับกุมดังกล่าว จะเป็นการจับกุมแล้วส่งตัวกลับไปยังประเทศกัมพูชาบ้านเกิดของเขาซึ่งกำลังถูกปกครองด้วยระบบอำนาจนิยม

ทั้งนี้มีรายงานว่า เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา รัฐบาลไทยส่งผู้ลี้ภัยกลับไปติดคุกที่กรุงพนมเปญ 3 รายโดยไม่ฟังเสียงทัดทานจากยูเอ็นและนานาชาติว่าละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ

ขณะที่ความเคลื่อนไหวจากรัฐสภาไทย  น.ส.ศิริภา อินทรวิเชียร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ…. แถลงกรณีการเข้าจับกุมพระชาวกัมพูชา เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา

โดยอ้างว่าเป็นการเข้าจับกุมด้วยเหตุของการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนว่าบุคคลดังกล่าวเป็นผู้ลี้ภัยที่ถูกต้องและได้รับสิทธิคุ้มครองจากองค์การสหประชาชาติ โดยตนได้ประสานไปยัง ฮิวแมนไรท์ วอทช์ และ UNHCR เพื่อขอเอกสารยืนยันว่า พระกัมพูชาเป็นผู้ลี้ภัยถูกต้องจริงหรือไม่ ซึ่ง UNHCR ได้ส่งเอกสารยืนยันกลับมา และตนได้นำเอกสารดังกล่าวไปแสดงให้กับ ตม.สวนพลูได้ทราบ

น.ส.ศิริภากล่าวต่อว่า การส่งตัวผู้ลี้ภัยกลับประเทศต้องมีการพิจารณาอย่างละเอียดอ่อน เพราะเชื่อได้ว่าบุคคลที่จะส่งตัวกลับจะตกอยู่ในอันตราย หรือถูกกระทำการทรมาน หรือบังคับให้สูญหายได้ ซึ่งหลังจากการยื่นเอกสารได้รับการประสานจากฮิวแมนไรท์ วอทช์ ว่า สถานทูตสวิตเซอร์แลนด์อาสาออกวีซ่าฉุกเฉินให้กับบุคคลดังกล่าว เพื่อเดินทางไปประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งการเข้าจับกุมผู้ลี้ภัยครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก

แต่ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา มีการส่งผู้ลี้ภัยทางการเมืองกลับกัมพูชาถึง 3 คน ซึ่งเป็นบุคคลที่ได้รับการคุ้มครองจาก สหประชาชาติ ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและขัดต่อข้อตกลงระหว่างประเทศหลายฉบับ รวมถึงขัดต่อมาตรา 12 ของร่าง พ.ร.บ.ซ้อมทรมานฯ ที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) รัฐต้องแสดงความจริงใจต่ออนุสัญญา ร่างกฎหมาย ประกาศของ ครม.หลายๆ ฉบับที่ผ่านมา โดยไม่อ้างว่าไม่ทราบว่าบุคคลเหล่านั้น คือ ผู้ลี้ภัย หรือเป็นการสุ่มเข้าไปจับกุม

น.ส.ศิริภากล่าวอีกว่า ตนขอให้รัฐทบทวนรายชื่อที่จะส่งตัวกลับกัมพูชาควบคู่กับรายชื่อผู้ลี้ภัยที่ UNHCR มี เพื่อจะได้ทำให้ถูกต้องตามหลักสิทธิมนุษยชน และไม่ส่งบุคคลเหล่านี้ที่จะตกอยู่ในอันตรายกลับไปในประเทศเหล่านั้น โดยตนจะทำหนังสือเรื่องนี้ส่งไปยัง กมธ.การต่างประเทศ กมธ.ตำรวจ และ กมธ.ซ้อมทรมานฯ ทั้งนี้ เบื้องต้นพระถูกบังคับให้สึกและถูกควบคุมตัวไว้ที่ศูนย์กักตัวของ ตม.สวนพลู ซึ่งตนและทนายของผู้ลี้ภัยได้ยื่นเอกสารขอชะลอการส่งตัวกลับ โดยสำนักงานตำรวจที่ดูแลเรื่องนี้แจ้งว่าจะชะลอการส่งตัวกลับไปยังกัมพูชา ซึ่งหลังจากนี้ UNHCR จะประสานขอประกันตัวและส่งไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์