เครือข่ายแรงงานฯ บุกทำเนียบ ยื่นหนังสือถึงนายกฯ จี้หั่นภาษีน้ำมัน เพิ่มเบี้ยคนชรา

เครือข่ายแรงงาน บุกทำเนียบ ยื่นหนังสือ นายกฯ เรียกร้อง 5 ข้อ ลดค่าครองชีพประชาชน หั่นภาษีน้ำมัน 6 บาท ลดภาษีมูลค่าเพิ่มเหลือ 5% เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ

วันที่ 30 พ.ย.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์ กลุ่ม24มิถุนาประชาธิปไตย เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี มายื่นข้อเรียกร้องแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชนและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล

โดยทางเครือข่ายฯได้ยื่นข้อเรียกร้อง 5 ข้อต่อรัฐบาล ผ่านเจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาล ดังนี้

1.ลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (Vat) จาก 79 เป็น 5 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้สินค้าอุปโภคบริโภคและภาคบริการมีราคาถูกลง เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและลดภาวะเงินเฟ้อ รักษากำลังซื้อของประชาชน รวมทั้งยกเลิกภาษีสรรพสามิตน้ำมัน เพื่อให้คนไทยได้ใช้น้ำมันทุกชนิดราคาถูกอีกลิตรละ 6 บาท เป็นการลดต้นทุนการผลิต การขนส่ง ทุกภาคส่วนให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ส่งผลให้ระบบเศรษฐกิงของประเทศมีการฟื้นตัว

2.เพิ่มเงินยังชีพผู้สูงอายุและคนพิการทุกคน เป็นเดือนละ 3,000 บาท เพื่อสร้างหลักประกันการคำรงชีพของคนชรา อายุ 60 ปีขึ้นไปและคนพิการกลุ่มเปราะบางให้สมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ กระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าและชุมชน อันเป็นรากฐานความมั่นคงทางสังคมต่อไป

3.ลดค่าบำรุงการศึกษาหรือค่าเทอมและค่าใช้จ่ายการศึกษาของนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นประถม มัธยม มหาวิทยาลัย 50 เปอร์เซ็นต์ เป็นเวลา 3 ปี (2565-2567) เพื่อลดการะค่ใช้จ่ายของครัวเรือน พร้อมทั้งบรรจุครูอัตราจ้างและพนักงานสัญญาจ้างในระบบการศึกษาให้เป็นข้าราชการประจำ

4.เพิ่มเงินอุดหนุนเด็กเล็กตั้งแต่แรกเกิดถึงอายุ 12 ปีทุกคน เดือนละ 1,200 บาท ถ้วนหน้าเพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กเล็ก

5.ลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าสาธารณะ (BTS/MRT) ครึ่งราคา ระบบขนส่งมวลชนพึงเป็นกิจการที่รัฐต้องดูแลประชาชน ไม่ใช่เพื่อผลกำไรและต้องควบคุมค่าไฟฟ้า แก๊สหุงต้มครัวเรือน น้ำประป ไม่ให้มีราคาสูงเกินไปจนสร้างความเดือคร้อนให้กับประชาชน

น.ส.ธนพร วิจันทร์ แกนนำเครือข่ายแรงงานฯ กล่าวถึงการทำงานของนายกฯว่า บริหารงานผิดพลาด โดยเฉพาะช่วงเวลาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้กลุ่มแรงงาน ต้องตกงานกันเป็นจำนวนมาก ทั้งยังไม่มีมาตรการช่วยเหลือให้กับกลุ่มคนเหล่านั้นอย่างที่ควรจะเป็น จึงออกมาตอกย้ำให้รัฐบาลเห็นถึงความสำคัญของกลุ่มคนดังกล่าวเพื่อลดความเดือดร้อนให้กับประชาชน