‘ไทยสร้างไทย’ จี้รัฐบาลเร่งแผนรับมือโควิดโอมิครอน แนะเดินตาม 4 ข้อเสนอ ก่อนสายเกินแก้

“พรรคไทยสร้างไทย” กระตุกรัฐบาลให้เร่งประกาศแผนรับมือโควิดสายพันธุ์โอมิครอน หวั่นซ้ำรอยการแพร่ระบาดเดิม แนะเดินหน้าตามข้อเสนอ 4แผนงาน ก่อนสายเกินรับมือ

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา ดร.สุวดี พันธุ์พานิช รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงกรณีที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้โควิดสายพันธุ์ “โอมิครอน” (Omicron) ซึ่งแพร่ระบาดในแอฟริกาใต้ ว่าเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวลเหมือนกับสายพันธุ์เดลตาก่อนหน้านี้ เนื่องจากพบการกลายพันธุ์จำนวนหลายจุดมากกว่าไวรัสที่กลายพันธุ์ทั่วไป ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าวิตก ดร.สุวดีจึงเรียกร้องให้รัฐบาลตื่นตัว และเร่งประกาศแผนรับมือโควิดสายพันธุ์โอมิครอนโดยเร็ว เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยการระบาดของโควิดในหลายครั้งที่ผ่านมา โดยเฉพาะการตัดสินใจที่ล่าช้าของรัฐบาล ออกนโยบายและมาตรการเพื่อควบคุมหรือวางแนวทางการรัยมือการระบาดไม่ทันท่วงที

ดร.สุวดี ยังแนะนำให้รัฐบาลเร่งดำเนินการตามแผนงานป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอนในประเทศไทย ดังนี้

1.ชะลอการเดินทางของนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง และเฝ้าระวังประเทศที่พบการระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอนเป็นวงกว้างต่อเนื่อง

2.ระดมฉีดวัคซีน mRNA ไม่ว่าจะเป็นเข็มแรก เข็มสอง หรือเข็มกระตุ้น ให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงและผู้ที่ได้รับวัคซีนเชื้อตายระยะห่างมากกว่า 3 เดือน เนื่องจากมีความเสี่ยงที่หากคนกลุ่มนี้ติดเชื้อแล้ว อาการจะเป็นหนักกว่าคนทั่วไป และภูมิของร่างกายในการป้องกันโควิดได้ลดลงไปไม่สามารถป้องกันไวรัสได้

3.เร่งกระจายวัคซีนและปรับสูตรวัคซีนจากวัคซีนสูตรไขว้มาเป็นวัคซีน mRNA 2 เข็ม เพื่อให้ประชาชนได้รับวัคซีนประสิทธิภาพดีที่สุด

4.ปรับแผนนำเข้าวัคซีนโดยเปลี่ยนให้วัคซีน mRNA เป็นวัคซีนหลัก และเร่งพิจารณาสั่งซื้อวัคซีน mRNA รุ่นใหม่ (2nd generation) ล่วงหน้าโดยเร็ว เพื่อนำมาระดมฉีดเป็นเข็มกระตุ้นให้กับประชาชน โดยเราต้องนำบทเรียนจากการสั่งซื้อวัคซีน mRNA ล่าช้าในครั้งก่อนไม่ให้เกิดขึ้นอีก

ข้อเสนอทั้งหมดนี้ อยู่บนฐานคิดด้วยความห่วงใยพี่น้องประชาชน ที่อาจต้องเผชิญกับ สถานการณ์ หัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญอีกครั้ง ไม่มีใครอยากเห็นการแพร่ระบาดในประเทศไทย ไม่มีใครอยากเห็นการล็อกดาวน์ การปิดเศรษฐกิจ ปิดประเทศ และไม่มีใครอยากเห็นสภาพที่ระบบสาธารณสุขของเรารองรับผู้ป่วยไม่พออีก ถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายต้องร่วมแรงร่วมใจ เพื่อป้องกันไม่ให้การแพร่ระบาดของโควิดระลอกใหม่เกิดขึ้นอีก โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลจะรับแผนงานนี้ไปพิจารณาดำเนินการ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดโดยเร็วที่สุด