วันที่ 27 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา สำนักข่าวเอพีรายงานว่า คิชิดะ ฟูมิโอะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้กล่าวระหว่างร่วมการตรวจกำลังพลว่าจะกลับมาปัดฝุ่นคำมั่นที่เคยให้ว่าจะพิจารณาทุกวิธีการ รวมถึงการได้มาซึ่งความสามารถในการโจมตีฐานของศัตรู และประกาศว่าจะสร้างกองกำลังป้องกันตนเองที่แข็งแกร่งขึ้นเพื่อปกป้องประเทศท่ามกลางภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นจากจีนและเกาหลีเหนือ

โดยนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวว่า สถานการณ์ด้านความปลอดภัยทั่วประเทศญี่ปุ่นกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และ “ความจริงนั้นรุนแรงกว่าที่เคย” โดยเกาหลีเหนือยังคงทดสอบยิงขีปนาวุธนำวิถีอย่างต่อเนื่องในขณะที่พัฒนาขีดความสามารถ และจีนกำลังดำเนินการสร้างกองทัพและกิจกรรมที่แน่วแน่มากขึ้นในภูมิภาคนี้

“ตนจะพิจารณาทางเลือกทั้งหมด รวมถึงการครอบครองสิ่งที่เรียกว่าความสามารถในการโจมตีฐานของศัตรู เพื่อแสวงหาการเสริมความแข็งแกร่งของพลังป้องกันที่จำเป็น” คิชิดะ กล่าวในการปราศรัยต่อสมาชิกกองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดินหลายร้อยนาย

คิชิดะกล่าวอีกว่าสภาพแวดล้อมด้านความปลอดภัยรอบ ๆ ญี่ปุ่นเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สิ่งต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นในนิยายวิทยาศาสตร์เท่านั้นคือความเป็นจริงในปัจจุบัน รัฐบาลของเขาจะนำไปสู่การอภิปรายที่ “สงบและสมจริง” เพื่อกำหนดว่าสิ่งใด จำเป็นต้องปกป้องชีวิตของผู้คนและทำความเข้าใจ

คิชิดะเปลี่ยนจุดยืนที่เคยดูถูกเหยียดหยามเพื่อเอาใจผู้นำที่ทรงอิทธิพลในพรรคฝ่ายรัฐบาล ซึ่งรวมถึงอดีตนายกรัฐมนตรี อาเบะ ชินโซะ และเพื่อเสริมความแข็งแกร่งในตำแหน่งทางการเมือง ปัจจุบัน เขาสนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถและการใช้จ่ายทางทหารของญี่ปุ่น

ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ คณะรัฐมนตรีของคิชิดะอนุมัติคำขอ 770 ล้านเยน (6.8 พันล้านดอลลาร์) สำหรับงบประมาณการป้องกันเพิ่มเติมตลอดเดือนมีนาคม เพื่อเร่งซื้อขีปนาวุธ จรวดต่อต้านเรือดำน้ำ และอาวุธอื่นๆ ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับกิจกรรมทางทหารที่เพิ่มขึ้นของจีน รัสเซีย และ เกาหลีเหนือ ซึ่งในขณะนี้ คำขอยังคงรอการอนุมัติจากรัฐสภา นับเป็นสถิติสำหรับงบประมาณด้านการป้องกันประเทศเพิ่มเติม และจะทำให้การใช้จ่ายทางทหารของญี่ปุ่นในปีปัจจุบันทำสถิติสูงสุดใหม่ได้มากกว่า 6.1 ล้านล้านเยน (53.2 พันล้านดอลลาร์) เพิ่มขึ้น 15% จาก 5.31 ล้านล้านเยนในปี 2020 งบประมาณรวมสำหรับปี 2564 จะเกิน 1% ของจีดีพีของญี่ปุ่น โดยคงขีดจำกัดตามธรรมเนียม