ยกฟ้องศิลปินอิสระ โพสต์สุวรรณภูมิไร้ จนท.คัดกรองโควิด ศาลชี้ขาดเจตนา เจ้าตัวเซ็ง สู้คดีนาน 2 ปี

ยกฟ้องศิลปินอิสระ โพสต์สุวรรณภูมิไร้ จนท.คัดกรองโควิด ศาลชี้ขาดเจตนา เจ้าตัวเซ็ง สู้คดีนาน 2 ปี

เวลา 09.30 น. วันที่ 25 พฤศจิกายน ที่ห้องพิจารณาคดี 808 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ. 1179/2563 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ฟ้อง นายดนัย อุศมา อายุ 42 ปี ศิลปินอิสระ ชาว จ.ภูเก็ต เป็นจำเลยในความผิดฐาน นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการน่าจะก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน” ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ พ.ศ.2560 มาตรา 14(2)

กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 17-18 มีนาคม 2563 จำเลยได้ใช้เฟซบุ้ก ชื่อ Zen Wide โพสต์ข้อความทำนองว่า ก่อนที่ผมจะบินกลับจากบาเซโลน่า ผมได้รับข้อมูลมากมายจากหลายๆ คน ว่าผมจะต้องโดนตรวจร่างกายอย่างเข้มงวดตอนมาถึงเมืองไทย หรือผมอาจจะต้องโดนกักตัวถ้าเกิดตรวจเจอเชื้ออะไรบางอย่างในร่างกาย และผมก็เตรียมใจไว้แล้วด้วยถ้าจะต้องโดนกักตัว ผมมาที่สนามบินบาเซโลน่าโดนตรวจร่างกายอย่างเข้มข้นก่อนขึ้นเครื่องของทุกๆ คน ทำให้เที่ยวบินล่าช้าไป 2 ชั่วโมง มาต่อเครื่องที่อาบูดาบี ก็ต้องเดินผ่าน 3 ขั้นตอนในการตรวจร่างกาย จนมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เดินลงจากเครื่องตอน 6 โมงเช้า เดินผ่าน ตม. ไปยืนรอรับกระเป๋าพร้อมกันกับนักเดินทาง 500 – 600 ร้อยคนที่บินมากับสายการบินอื่นๆ 2 – 3 ลำ เมื่อได้กระเป๋าและอีก 500 – 600 ร้อยคนในตอนนั้น ก็เดินออกไปนอกสนามบิน โดยที่ไม่ได้เจอะเจอกับเจ้าหน้าที่แมวน้ำอะไรใดๆ ที่จะมาตรวจสุขภาพเลยแม้แต่นิดเดียว…?????” พร้อมภาพถ่ายบริเวณหนึ่งของอาคารผู้โดยสารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่ไม่ปรากฏภาพการตั้งจุดคัดกรองผู้โดยสาร ซึ่งเป็นข้อมูลเท็จ ความจริงแล้ว ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีมาตรการการคัดกรองผู้โดยสารครอบคลุมทุกพื้นที่ รวมถึงบริเวณโถงผู้โดยสารขาเข้าซึ่งจำเลยกล่าวอ้างว่าเดินมาจากเมือง บาร์เซโลนา ประเทศสเปน ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยไม่มีเจ้าหน้าที่ตั้งหน่วยคัดกรองการแพร่ระบาดโควิด ซึ่งล้วนเป็นเท็จ เพราะภาพถ่ายดังกล่าวเผยแพร่เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 62 ซึ่งยังไม่มีการแพร่ระบาด้ชื้อโควิด-19 จึงยังไม่มีการตั้งจุดคัดกรองข้างต้น

การกระทำของจำเลยก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชนได้ เนื่องจากทำให้ประชาชนที่ได้เห็นข้อมูลข้อความและภาพถ่ายดังกล่าวเข้าใจว่าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิปล่อยปละละเลย เพิกเฉย ไม่มีมาตรการคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เพื่อคัดกรองโรคโควิด-19 ตามมาตรฐานสากล และเสียความเชื่อมั่นต่อท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อันเป็นการนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จ โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย จำเลยให้การปฏิเสธโดยตลอด

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยที่นำสืบหักล้างกันแล้วข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยเดินผ่านเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิหรือเทอร์โมสแกน ผ่านกล้องซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังอยู่ในห้องควบคุมโดยไม่เห็นเจ้าหน้าที่ ซึ่งหากผู้โดยสารคนใดมีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ เจ้าหน้าที่จะเชิญตัวไปตรวจสอบอย่างละเอียด หากพบว่า มีอาการไข้สูงก็จะถูกนำตัวไปรักษาโรคโควิด พร้อมทั้งกักตัวเป็นเวลา 14 วัน ที่จำเลยไม่สังเกตว่าเป็นเพราะความเข้าใจโดยสุจริตใจ เพราะความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 59 จะต้องมีเจตนากระทำผิด
ดังนั้นการที่จำเลยเดินทางจากประเทศกลุ่มเสี่ยงแต่ไม่พบเจ้าหน้าที่ตรวจวัดอุณหภูมิ หรือสอบถามสุขภาพ เป็นการลงข้อความไปตามเป็นจริง และเข้าใจโดยสุจริต จำเลยจึงไม่มีเจตนากระทำผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง.

ภายหลังนายดนัย ให้สัมภาษณ์ว่า ตนรู้สึกแปลกใจที่ถูกฟ้องดำเนินคดี ปัญหาก็รู้ๆ กันอยู่ เพราะตนโพสต์เรื่องจริง เห็นทุกอย่างอะไรบ้างที่สนามบิน เหมือนกับคนที่เดินทางมาอีกหลายร้อยคน ต้องสู้คดีนาน 2 ปี รู้สึกเซ็งมาก แต่ตนพอมีปัญญาสู้กับเค้าได้ เป็นห่วงก็เด็ก น้องๆ อีกหลายคน ตนทำงานด้านอารต์ ที่ผ่านมา ก็มีวิจารณ์รัฐบาลทุกรัฐบาลตามความคิดเห็นไม่เฉพาะรัฐบาลนี้ ปะปนกันไป