‘วิษณุ’ เปิดไทม์ไลน์แก้ พ.ร.ป. 2 ฉบับ เล็งขอเปิดสภาสมัยวิสามัญพิจารณา เม.ย.65

‘วิษณุ’ เปิดไทม์ไลน์แก้ พ.ร.ป. 2 ฉบับ เล็งขอเปิดสภาสมัยวิสามัญพิจารณา เม.ย.65 คาดประกาศใช้ ก.ค.ปีหน้า เตือนรัฐบาลรับมือยุบสภา

เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงไทม์ไลน์การแก้ไขร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับว่า สิ่งที่รัฐบาลเป็นห่วงคือ เรื่องตารางเวลา ขณะนี้ กกต.อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.อย่างเป็นทางการ คิดว่าไม่เกินวันที่ 10 ธันวาคม คงเสร็จ จากนั้นจะเอาความเห็นมาปรับปรุงร่างกฎหมายสักพักก่อนเสนอมาให้คณะรัฐมนตรี (ครม.)

“พรรคการเมืองต่างๆ สามารถเสนอร่างกฎหมายเข้าสภา และตอนผมหารือกับวิปรัฐบาลได้เคยรับปากว่าจะให้มีการพูดคุยกับ กกต.ก่อน รัฐบาลจะเป็นเจ้าภาพจัดการพูดคุยระหว่างพรรคการเมืองต่างๆ กับ กกต.ให้ จะทำให้เวลาการพิจารณาในสภากระชับขึ้น ซึ่งการเสนอเข้าไปอย่างไรก็เป็นคนละฉบับ แต่ให้เป็นการเคลียร์กันก่อนเข้าสู่การพิจารณา ส่วนจะคุยกันเมื่อไหร่นั้น คงต้องรอให้ กกต.ปรับแก้กฎหมายขั้นสุดท้ายเสร็จสิ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อกฎหมายมาถึงรัฐบาลแล้ว ความที่รัฐบาลจะต้องเป็นเจ้าของเรื่องคงสามารถปรับได้ โดยความเห็นชอบของ กกต. แต่ถ้า กกต.ไม่เห็นชอบคงต้องไปพูดในสภา โดยขอยืมให้พรรคร่วมรัฐบาลเป็นคนพูด เพราะสุดท้ายต้องใช้วิธีการโหวต แต่ทั้งนี้ รัฐบาลมีความสัมพันธ์พอที่จะอธิบายด้วยเหตุด้วยผลกับ กกต.ได้” นายวิษณุกล่าว

นายวิษณุกล่าวว่า ยังไม่รู้ว่าจะแก้กฎหมายลูกเสร็จเมื่อไหร่ อีกทั้งกฎหมายลูกไม่เหมือนกฎหมายอื่นๆ ที่สภาพิจารณาเสร็จคือเสร็จ แต่กฎหมายลูกพอสภาพิจารณาเสร็จต้องส่งไปยังองค์กรที่เกี่ยวข้อง กรณีนี้คือ กกต. มีกรอบเวลากำหนด หาก กกต.เห็นว่าควรจะต้องแก้อะไรบางอย่าง ใครที่ไปแก้ของ กกต.จะเจอตรงนี้ เพราะถ้า กกต.ยืนยันกลับมาก็ต้องแก้ตาม กกต. ซึ่งตรงนี้รัฐบาลพร้อมออกพระราชกฤษฎีกาขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญให้ เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็นำความทูลเกล้าฯถวาย จึงเคยคิดไทม์ไลน์ว่ากฎหมายลูกจะมีการประกาศใช้ช่วงกรกฎาคม 2565 เพราะคิดว่าเปิดสภาสมัยวิสามัญช่วงเมษายน 2565 จากนั้นก็ทูลเกล้าฯถวาย กรอบเวลา 90 วันจะอยู่ที่ประมาณกรกฎาคม 2565 นี่คือการคิดเวลายาวที่สุดไว้ก่อน แต่ถ้าโปรดเกล้าฯลงมาก่อน กรอบเวลาก็จะเร็วขึ้น ตนเคยบอกใน ครม.ว่าถ้ากฎหมายลูกมีการประกาศใช้จะมีการกดดันให้มีการยุบสภา รัฐบาลก็ต้องเตรียมรับมือทางการเมืองเอง