‘เจษฎ์’ ยกบรรทัดฐานปี 54 ชี้ มารยาททางการเมือง หลังแก้กม.เลือกตั้งเสร็จ ต้องยุบสภา

‘เจษฎ์’ ยกบรรทัดฐานปี 54 ชี้ มารยาททางการเมือง หลังแก้กม.เลือกตั้งเสร็จ ต้องยุบสภา

เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน นายเจษฎ์ โทณะวณิก อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีที่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมและกกต.ได้ยกร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ซึ่งอยู่ระหว่างกระบวนการรับฟังความเห็น ว่า ตามรัฐธรรมนูญเมื่อมีการเสนอร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. เข้าสู่รัฐสภาแล้ว รัฐสภาต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน หรือ 6 เดือน เมื่อแก้ไขเสร็จแล้ว ตามมารยาททางการเมือง รัฐบาลควรต้องยุบสภา เพื่อให้มีการเลือกตั้งตามกติกาใหม่ หากไม่ยุบสภาก็ต้องตอบสังคมให้ได้ว่าแก้ไขระบบเลือกตั้งไปเพื่ออะไร เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการแก้ไขกฎหมายเลือกตั้งเมื่อปี 2554 สมัยรัฐบาลของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศยุบสภาทันที ถือเป็นบรรทัดฐานทางการเมือง และหากเทียบระยะเวลาก็พอดีกัน รัฐธรรมนูญ ปี 2550 มีการแก้ไขในปี 2554  ส่วนรัฐธรรมนูญปี 2560 มีการแก้ไขในปี 2564

“นอกจากนี้ภาวะการเมืองในปี 2554 ก็มีลักษณะคล้ายกัน  มีการชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาล ยุบสภา ลาออก เหมือนกัน และหากเทียบกันแล้วระบบเลือกตั้งที่แก้ไขสมัยปี 2554 ถือได้ว่าแก้ไขน้อยกว่าปี 2564 ด้วยซ้ำ เพราะการแก้ครั้งนี้ ถือเป็นการแก้เพื่อเปลี่ยนระบบเลือกตั้ง ดังนั้น เมื่อเปลี่ยนระบบแล้วก็ควรยุบสภาจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่”

นายเจษฎ์ กล่าวว่า กระบวนการที่รัฐบาลจะยื้อกฎหมายเลือกตั้งได้ตอนนี้คือการยื้อก่อนที่จะเสนอกฎหมายเข้ารัฐสภา เพราะกฎหมายไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ แต่เมื่อเข้ารัฐสภาแล้วกระบวนการจะแล้วเสร็จภายใน 180 วัน แต่หากรัฐบาลใช้วิธีนั้นเชื่อว่าแรงกดดันก็จะเพิ่มขึ้น

เมื่อถามว่า รัฐบาลควรเสนอร่างกฎหมายเลือกตั้ง และยุบสภาให้แล้วเสร็จก่อนเดือนสิงหาคม ปี 2565 ก่อนที่จะมีปัญหา เรื่องวาระ 8 ปี นายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายเจษฎ์ กล่าวว่า เรื่องนี้สำหรับรัฐบาลอาจจะไม่ได้มองว่าเป็นปัญหา เพราะคงมั่นใจว่าการนับระยะเวลาเป็นนายกรัฐมนตรี ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้นไม่ได้นับจากปี 2557 แน่นอน