‘หมอชลน่าน’ กั๊กตอบ ปมบิ๊กเนม ‘พปชร.’ ย้ายกลับ ‘เพื่อไทย’ ลั่น ยังไม่มีสัญญาณมา

‘หมอชลน่าน’ กั๊กตอบ ปมบิ๊กเนม ‘พปชร.’ ย้ายกลับ ‘เพื่อไทย’ ลั่น ยังไม่มีสัญญาณมา ไม่ว่าใครก็ต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของพรรค

เมื่อเวลา 09.55 น. วันที่ 24 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกระแสข่าวกรณีที่จะมีบิ๊กเนมจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ย้ายกลับมาพรรค พท. ว่า เมื่อมาแล้วก็ต้องเข้าสู่กระบวนการตามหลักการและแนวทางของพรรคที่ได้วางระบบเอาไว้ ไม่ติดว่าจะเป็นพรรค พปชร.หรือพรรคไหนที่จะย้ายมาอยู่พรรคเพื่อไทย แต่เขามาแล้วจะอยู่ในฐานะไหน จะได้เป็นผู้สมัครหรือไม่อยู่ในกระบวนการพิจารณา

เมื่อถามว่า มีการส่งสัญญาณหรือได้ยินเรื่องที่จะมีคนย้ายจากพรรคพปชร.มาพรรค พท.บ้างหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า อาจจะส่งสัญญาณที่อื่น เพราะส่วนตัวยังไม่ได้รับ และตนยังไม่ได้ยินเรื่องนี้ ทั้งนี้ กลไกของพรรค พท.เราวางไว้ 21 โซน ที่เป็นคณะทำงานแมวมองหรือสเกาต์คอยรับและกลั่นกรองเรื่องเหล่านี้ ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการของคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ซึ่งตนเป็นประธานอยู่ โดยจะเป็นการแบ่งตามภาค เช่น ภาคเหนือ ประธานโซนคือนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ ที่ปรึกษาคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรค พท. ภาคอีสาน แบ่งเป็น 4 โซน มีประธานโซน เช่น นายไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู รองหัวหน้าพรรค พท.ขณะที่ กทม.แบ่งออกเป็น 6 โซน มีประธานโซน เช่น นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล แกนนำพรรค พท.

เมื่อถามว่า มีการปิดประตูนัดคุยกันหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า “บางเรื่องก็ต้องปิดประตู”

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า หมายความว่ามีการมาพูดคุยแล้วใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ที่มาคุยกับตนโดยตรงยังไม่มี เพราะระบบเราวางไว้แบบนี้ แต่ก็อาจจะมีการเข้าไปพบปะกรรมการโซน

เมื่อถามว่า หากมีระดับบิ๊กเนมไหลกลับเข้ามา พรรคจะพิจารณาอย่างไร นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ก็จะเข้าสู่กระบวนการ ไม่ได้เหมาว่าบิ๊กเนมแล้วจะได้มาเป็นผู้สมัคร ทุกอย่างต้องอยู่ในกระบวนการ เพราะหากไม่ทำจะมีปัญหา เราต้องมีหลักและสามารถอธิบายได้ ไม่ใช่ได้ 1 แล้วหาย 10

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเป็นอดีต ส.ส. ที่เขาคิดว่าจะสามารถพาคนเข้ามาได้ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราก็พิจารณา และมาดูว่า เช่น เขามีความประสงค์จะลงในเขตนี้ ถ้าเรามีผู้แทนอยู่ เราก็ยังให้ความสำคัญกับผู้แทนฯ เราอยู่ โดยอาจมีวิธีบริหารจัดการให้มีความสอดคล้องเหมาะสม เพราะบางพื้นที่ก็เปิดโอกาสให้มีเขตเลือกตั้งเพิ่มขึ้น