‘เท่าพิภพ’ ชี้หาก 2 ยักษ์ใหญ่โทรคมนาคมควบรวม ปชช.จาก “ผู้เลือก” กลายเป็นฝ่าย “ง้อ”

เท่าพิภพ ชี้ ปชช.กลายเป็นฝ่าย “ง้อ” มากกว่า “เลือก” หาก 2 ยักษ์ใหญ่โทรคมนาคมควบรวมกัน

วันที่ 23 พ.ย. นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล เขียนข้อความทางเฟซบุ๊ก เรื่องประชาชนเลือกอะไรได้ไหม ? แสดงความเห็นกรณีการควบควมกิจการของบริษัทโทรคมนาคมชื่อดัง โดย ระบุว่า เห็นจนชินตา ความไม่เท่ากันในสังคม ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เพราะก่อนหน้านี้ก็มีการจับมือของยักษ์ใหญ่ของหลาย ๆ ธุรกิจ เกิดขึ้นจนชินตา บางรายจับมือกันทีแทบจะเป็นเจ้าของตลาดได้ทันที เวลาจะขึ้นราคาลดราคา มีผลกระทบต่อตลาดทั้งสิ้น  การจับมือกันของยักษ์ใหญ่ธุรกิจโทรคมนาคม มันเป็นยังไงหรอ ?

หากอ้างอิงจากข้อมูล กสทช. พบว่า จำนวนเลขหมายที่มีผู้ใช้งานของตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ สิ้นไตรมาส 4 พ.ศ. 2563 เอไอเอส มีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดด้วยสัดส่วน 44.35% รองลงมาเป็น ทรู ที่ 33.75% และ ดีแทค 20.18% ดังนั้นหากนำตัวเลขของ ทรู และ ดีแทค มารวมกันจะได้ 53.93% ขึ้นเป็นเบอร์ 1 แทนทันที

ถ้านำตัวเลขของปีที่แล้วเป็นตัววัดจะเห็นได้ว่า มันเกิน 50% อย่างแน่นอน

มันเกิน 50% มันไม่ใช่ตัวเลขปกติของตลาดที่ควรจะเป็นแล้วนะครับ มันเกินไปมาก และยิ่งผู้เล่นรายใหม่ก็ยากมากที่จะเข้ามาสู่ตลาดธุรกิจนี้

ในวันนี้มันสามารถเกิด Combination (การร่วมมือกัน) แล้วอย่างงี้ใครเสียประโยชน์ละ ?

คำตอบคือ “ประชาชน” ครับ เพราะประชาชนต้องเป็นฝ่าย ‘ง้อ’ ยักษ์ใหญ่จะเป็นคนที่ถือไพ่เหนือกว่าทุกอย่าง อาทิเช่นเรื่อง ราคา การบริการ โปรโมชั่น ยิ่งมีการแข่งขันน้อยมันจะลดทอนการพัฒนาต่าง ๆ ผมขอยกตัวอย่างง่าย ๆ ว่าถ้าหากยิ่งมีการแข่งขันมาก การยืนหยุดอยู่กับที่ก็จะทำได้ยากลง ในทางกลับกันถ้าหากมีการแข่งขันที่น้อย การหยุดพัฒนายืนอยู่กับที่ก็สามารถทำได้ง่ายขึ้น

ผมจะไม่พูดถึงธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นะครับ ผมเรื่องนั้นมัน Beggars can’t be choosers อยู่ในสภาวะไม่มีสิทธิ์เลือก ตั้งแต่พวกเราบางคนยังไม่เกิดเสียอีก  สังคมไทยต้องมีสิทธิ์เลือก เสียงของประชาชนต้องมีอำนาจเหนือทุนผูกขาด

หากท่านคิดว่าเรื่องนี้มันไกลตัวจากท่าน หรือเลือกที่จะช่างมัน ผมก็แอบมองว่าท่านก็อาจเป็นส่วนหนึ่งในฟันเฟืองความ “หายนะ” ต่อจากนี้ก็ได้