‘ไบเดน’ เสนอชื่อ ‘เจอโรม พาวเวลล์’ นั่งประธานเฟดต่ออีกสมัย

ประธานาธิบดีไบเดน เสนอชื่อ “เจอโรม พาวเวลล์” เป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐต่ออีกหนึ่งสมัย พร้อมเสนอชื่อ “เลอัล ไบรนาร์ด” เป็นรองประธาน 

วันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 ลอสแองเจลิสไทม์ส รายงานว่า “โจ ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศว่าเขากำลังเสนอชื่อ “เจอโรม พาวเวลล์” นั่งเก้าอี้ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เป็นสมัยที่สอง หรือให้ทำหน้าที่ต่อไปอีกสี่ปี ซึ่งถือเป็นการไฟเขียวให้พาวเวลล์รับหน้าที่ดูแลเศรษฐกิจให้ผ่านพ้นวิกฤตจากโรคระบาดรุนแรง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับที่ต่ำเป็นพิเศษของเฟดจะช่วยเสริมความมั่นใจและฟื้นตลาดแรงงาน

ไบเดนยังกล่าวอีกว่า เขาจะเสนอชื่อ “เลอัล ไบรนาร์ด” สมาชิกพรรคเดโมแครตเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่ในคณะกรรมการบริหารของเฟด นั่งเก้าอี้รองประธานเฟด ด้วย

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวด้วยว่า เขาจะหาผู้มารับตำแหน่งอีกสามตำแหน่งในเฟด ซึ่งรวมถึงตำแหน่งรองประธานฝ่ายกำกับดูแล ซึ่งทำหน้าที่กำกับดูแลธนาคาร ในช่วงต้นเดือนธันวาคม

การตัดสินใจของไบเดน มีขึ้นหลังการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เพื่อทำให้เกิดคาวมต่อเนื่องและการทำงานร่วมกันระหว่างสองฝ่าย ในช่วงเวลาที่อัตราเงินเฟ้อกำลังพุ่งสูงเป็นภาระภาคครัวเรือน และเพิ่มความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ในการสนับสนุนพาวเวลล์ ซึ่งเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกัน ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานเฟดครั้งแรกในสมัยอดีตประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ไบเดนมองข้ามข้อเรียกร้องต่าง ๆ จากฝั่งหัวก้าวหน้าที่มองว่า เฟดทำให้กฎระเบียบของธนาคารอ่อนแอลง และตอบสนองต่อประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเชื่องช้า

หากวุฒิสภาให้การรับรองแล้ว พาวเวลล์จะยังคงอยู่ในตำแหน่งหนึ่งในเจ้าหน้าที่ด้านเศรษฐกิจที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ซึ่งสามารถเพิ่มหรือลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงได้ ในระหว่างที่เฟดกำลังกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ การจ้างงาน และเพื่อทำให้ราคาสินค้าคงที่ ซึ่งเป็นความพยายามที่จะควบคุมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และโดยทั่วไปมักมีผลกระทบทั่วโลก

อัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ซึ่งเฟดคงไว้ในระดับใกล้ศูนย์ ตั้งแต่เกิดโรคระบาดเมื่อเดือนมีนาคม 2563 ได้ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการกู้ยืมของผู้บริโภคและธุรกิจ รวมถึงการจำนองและบัตรเครดิต อีกทั้งเฟดยังทำหน้าที่กำกับดูแลธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอีกด้วย

การดำรงตำแหน่งประธานเฟดเป็นสมัยที่สอง ซึ่งจะเริ่มในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า พาวเวลล์ต้องเผชิญกับโจทย์ที่ยากและมีความเสี่ยงสูง เช่น อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นทำให้เกิดความยากลำบากกับหลายล้านครอบครัว การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่มืดมัว และอำนาจที่ลดลงในการรักษาราคาสินค้าให้คงที่

แต่ด้วยเศรษฐกิจที่ยังคงมีการจ้างงานเพิ่มอีก 4 ล้านตำแหน่ง ทำให้เฟดไม่ต้องดิ้นรนเพื่อพยายามเพิ่มการจ้างงานให้มากขึ้น

โดยหากเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยช้าเกินไป อัตราเงินเฟ้ออาจเพิ่มขึ้นอีก บังคับให้เฟดต้องใช้ขั้นตอนที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อคุมอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งอาจก่อให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่ถ้าหากเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไปก็อาจทำให้อัตราการจ้างงานและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจลดลง

ทั้งนี้ การแต่งตั้งพาวเวลล์ต้องได้รับการรับรองด้วยการลงคะแนนโดยคณะกรรมการธนาคารของวุฒิสภา ตามด้วยการรับรองจากวุฒิสภาทั้งคณะ ซึ่งนับว่ามีความเป็นไปได้สูง