‘สนั่น’ เผย 5 โอกาสขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยปี’65 จี้รัฐออก ‘ช้อปดีมีคืน’ ดึงคนรุ่นใหม่

‘สนั่น’ เผย 5 โอกาสขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยปี 2565 จี้รัฐออก ‘ช้อปดีมีคืน’ ดึงคนรุ่นใหม่ขับเคลื่อนประเทศ

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวปาฐกถาเรื่อง “Connect the Dots : Design the Future รวมพลัง… สร้างสรรค์อนาคต” เปิดงานสัมมนาหอการค้าฯ ครั้งที่ 39 ว่าหลังจากเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 เศรษฐกิจไทยยังต้องเผชิญ VUCA คือ เศรษฐกิจโลกผันผวน (volatility) ความไม่แน่นอนสูง (uncertainty) ความซับซ้อนสูง (complexity) ความคลุมเครือ (ambiguity) เพราะฉะนั้นในปี 2565 ต้องปรับตัวใช้ 5 โอกาส เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ประกอบด้วย

โอกาสแรก เป็นเรื่องของการค้าการลงทุน ไทยยังเป็นประเทศที่น่าลงทุนในสายตาของต่างประเทศ โดยเฉพาะในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และการใช้ประโยชน์จากความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2565 ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด สำหรับความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) ทางหอการค้ากำลังจะทำหน้าที่เป็นสื่อกลางให้ภาครัฐมาพบกับภาคประชาสังคม (NGO) ให้มาพูดคุยสร้างความเข้าใจตั้งแต่ในเดือนนี้ หรืออย่างช้าที่สุดในสัปดาห์แรกของเดือนธันวาคม เพราะหากทำความเข้าใจกันได้จะเป็นประโยชน์สูงสุดของคนไทย

นอกจากนี้ ต้องการส่งเสริมและขยายการลงทุนออกไปยังต่างประเทศ แม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดของโควิดแต่ตัวเลขการค้าชายแดนและการค้าข้ามพรมแดนยังเติบโต ซึ่งหลังจากนี้กลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน CLMV จะมีการผ่อนคลายมาตรการและเริ่มทยอยเปิดประเทศมากยิ่งขึ้น

“ในด้านการส่งออกปีนี้ภูมิใจมากที่การส่งออกของไทยจะขยายตัวได้ 12 ถึง 14% นี่เป็นผลจากการดำเนินการของหอการค้าร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ผลักดันการทำงานผ่านคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) ทำให้การส่งออกสามารถเติบโตได้ถึง 14% จากต้นปีที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายไว้เพียงแค่ 4% ซึ่งตัวเลขนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เราทำงานกันอย่างใกล้ชิด เพิ่มปัญหาเรื่องตู้คอนเทนเนอร์ขาดและค่าระวางแพง”

โอกาสที่สอง การสร้างความเชื่อมั่นกับนานาชาติผ่านเวทีการประชุม APEC ซึ่งในปีหน้าไทยจะเป็นเจ้าภาพ โดยหอการค้าไทยจะมีบทบาทหลักในการขับเคลื่อนการประชุม “CEO Summit“ ที่จะดำเนินการในเวลาเดียวกัน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถใช้เวทีนี้ในการติดต่อและการขยายธุรกิจสู่ระดับนานาชาติ ทางภาคเอกชนต้องดำเนินการผลักดันเศรษฐกิจ โดยคำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อมตามแนวทางการพัฒนา BCG จะสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs Goal)

โอกาสที่สาม ด้านการท่องเที่ยว แต่จากการทำงานของหอการค้าร่วมกับรัฐบาลในการผลักดันให้มีการเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประเมินว่าหากในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประมาณ 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือเฉลี่ยเดือนละ 300,000 คน จากยอด 3 ล้านคน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการดำเนินมาตรการ ในเรื่องของการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวตั้งแต่ต้นทาง หากเราให้บริการดี สร้างความปลอดภัย ทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความมั่นใจ ก็จะพูดกันปากต่อปากและนำมาสู่การเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย และยังช่วยให้เศรษฐกิจในระดับจังหวัดมีความคึกคักมากขึ้น

“จีดีพีปีนี้จะขยายตัว 0.5 ถึง 1.5% ได้ ส่วน ททท.คาดว่าปี 2565 จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา 10 ล้านคน แต่สิ่งสำคัญเราทุกคนจะต้องช่วยกันยกระดับการท่องเที่ยวคุณภาพสูง โดยกรุงเทพมหานครก็เป็นเป้าหมายการเดินทางอันดับหนึ่งที่มีความเหมาะสมในการทำงานและการเดินทางท่องเที่ยว”

โอกาสที่สี่ การจับจ่ายใช้สอยและการจ้างงานภายในประเทศ จะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจภายใน ซึ่งหอการค้าจะผลักดันภาครัฐดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การขยายวงเงินโครงการคนละครึ่ง ใช้มาตรการเราเที่ยวด้วยกัน ส่วนโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ทางเราให้คำแนะนำภาครัฐไปว่ามันไม่ได้เรื่อง กระบวนการยุ่งยาก จึงเรียกร้องให้นำโครงการ “ช้อปดีมีคืน” กลับมาใช้ภายในเดือนธันวาคมนี้ อีกทั้งรัฐบาลก็จะได้เครดิตจากประชาชนด้วย การที่ภาครัฐขยายเพดานหนี้สาธารณะจาก 60% เป็น 70% ของจีดีพี ทำให้รัฐบาลยังมีวงเงินอีก 5 แสนล้านบาท การใช้กระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกของปีหน้า ทางหอการค้าจะทำงานร่วมกับภาครัฐ เพื่อกำหนดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ตอบโจทย์และตรงจุดต่อไป

ขณะเดียวกัน ขณะนี้ประเทศต่างๆ เกิดภาวะที่เรียกว่ารีสต๊อก (Re stock) จากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้นถึง 80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้เรื่องราคาสินค้าและต้นทุนขยับสูงขึ้นตาม ทางหอการค้าได้ส่งสัญญาณให้ทุกภาคส่วนเตรียมรับมือสิ่งที่จะเกิดขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม ทางเราอยากจะขอให้สมาชิกภาคเอกชนช่วยกันประคับประคองราคาสินค้า ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมาก

โอกาสที่ 5 ความท้าทายเทคโนโลยี เข้ามามีบทบาทสำคัญกับทุกภาคส่วน ต่อไปจะไม่ใช่ Internet of things (IoT) แต่จะเป็น Internet of everything เพราะการทำกิจกรรมทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารการเงินการค้า หรือการท่องเที่ยวก็จะอยู่ในโทรศัพท์มือถือเครื่องเดียว อยู่ในแพลตฟอร์มที่มีความสะดวกรวดเร็ว และทำให้ต้นทุนการประกอบธุรกิจต่ำลง ต้องยอมรับว่าโลกเปลี่ยน ต้องดึงคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานเพื่อเสริมซึ่งกันและกัน

“ความสำเร็จของหอการค้าไทยในวันนี้ คือพลังความร่วมมืออันยิ่งใหญ่ที่ส่งต่อกันมา และจะส่งต่อไปยังอนาคต สร้างความปึกแผ่นที่มีความเข้มแข็ง และเราจะเป็นศูนย์กลางการขับเคลื่อนเศรฐกิจ แก่สังคม ชาติ และบ้านเมือง”