พิธา นำทีมก้าวไกลบุกถิ่น’สุพรรณ’ ยันจะร่วมสู้ทุกความอยุติธรรม รับฟังปัญหาน้ำ – ที่ดิน-อ้อย

พิธา นำทีมก้าวไกลเยือนถิ่น’สุพรรณ’ ยืนยัน ร่วมสู้กับทุกความอยุติธรรม รับฟังปัญหาน้ำ – ที่ดิน – อ้อย ย้ำชัด สุพรรณไม่มีเจ้าของ เพราะเจ้าของคือประชาชน
.
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2564 ณ เขื่อนกระเสียว อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรค อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะกรรมการบริหารพรรคสัดส่วนภาคกลาง ธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลงพื้นที่รับฟังปัญหาพี่น้องชาว สุพรรณบุรี ในพื้นที่อ.ด่านช้าง อ.อู่ทอง และอ.สองพี่น้อง ในโครงการก้าวไกลสัญจรภาคกลาง
.
พิธา กล่าวว่า ขอบคุณพี่น้องชาวสุพรรณบุรี ที่ให้การต้อนรับ และขอขอบคุณกว่า 70,000 กว่าคะเเนนที่พี่น้องชาวสุพรรณให้ความไว้วางใจตั้งเเต่สมัยอดีตพรรคอนาคตใหม่ครั้งนี้ตนและพรรคก้าวไกลตั้งใจมารับฟังปัญหาพี่น้องชาวสุพรรณในทุกปัญหา ไม่ว่าเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ที่ดิน เกษตรกรรม และพร้อมสู้กับทุกความอยุติธรรมไปพร้อมกับพี่น้องชาวสุพรรณบุรี
.
“พี่น้องชาวสุพรรณบุรีเจอความอยุติธรรมมามากพอเเล้ว มีการถูกดขี่ เอารัดเอาเปรียบจากภาครัฐ ตั้งแต่เรื่องเหมืองเเละการบริหารจัดการน้ำ ผมและพรรคก้าวไกลขออยู่เคียงข้างชาวสุพรรณบุรี และในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล ยืนยันว่าพร้อมต่อสู้ด้วยความสุขุม กล้าหาญ เข้มเเข็ง เเต่เราต้องไม่ประมาท และไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ผมพร้อมเเละตั้งใจทำงานต่อไป “

พิธา กล่าวว่า สุพรรณบุรีรอไม่ได้แล้วเพราะยังมีหลายปัญหาที่ยังไม่ถูกจัดการอย่างเหมาะสม ในเรื่องการบริหารจัดการน้ำ สัปดาห์ที่ผ่านมาพี่น้องเกษตรกรชาวสุพรรณบุรี กว่า 300 คน ต้อไปรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องเอาผิดต่อกรมชลประทาน เเละกระทรวงเกษตรเเละสหกรณ์จากกรณีได้รับผลกระทบจากการบริหารการจัดการน้ำที่ไม่เป็นธรรม สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าในปีที่ผ่านมา การบริหารจัดการน้ำเเย่พอสมควร ทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ได้รับผลกระทบอย่างสูง โดยอำเภอด่านช้างเป็นพื้นที่ต้นน้ำ ที่ตั้งของเขื่อนกระเสียว เเต่คนในพื้นที่กลับยังขาดน้ำเพื่อการชลประทาน เป็นตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงการบริหารจัดการน้ำที่ไม่เป็นระบบ ซึ่งหลักการบริหารจัดการน้ำที่ง่ายสุด คือการกระจายแต่ไม่กระจุก และต้องจัดสรรให้สอดรับกับความต้องการของพี่น้องประชาชน
.
ในเรื่องที่ดิน สุพรรณบุรี ที่เป็นพื้นที่เกษตรกรรม ซึ่งประสบปัฐหาคล้ายกันกับพื้นที่อื่น ที่ดินของประเทศไทยมีการทับซ้อนกันของหน่วยงานรับผิดชอบ กว่า 8 กระทรวง ซึ่งที่ดิน เปรียบเสมือนทรัพย์สินเเรกของประชาชน เป็นสิ่งที่จะบ่งบอกว่า รัฐเห็นว่าชาติเป็นของประชาชน หรือชาติเป็นของชนชั้นนำ การอยากจะเก็บป่าสงวนไว้แม้จะบอกว่สเพื่ออนุรักษ์หรืออะไรก็ตาม แต่ความจริงแล้วคือกลไกหนึ่งที่รัฐใช้เก็บที่ดินไว้ให้กลุ่มจารีตเเละชนชั้นนำ ไม่ต้องการกระจายที่ดินให้กับประชาชนให้มีที่ทำกิน ซึ่งหากเราได้เป็นรัฐบาล เราจะออกมติ ครม. ประกาศแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ได้

“ในเรื่องของอ้อย พรรคก้าวไกล มีผู้เชี่ยวชาญที่ดูเเลในเรื่องนี้คือ ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคเเละในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ ที่สามารถนำเสนอนโยบายทางด้านเศรษฐกิจเพื่อให้สอดรับกับการเกษตร รวมไปถึงผลักดันในเรื่องกำหนดราคาอ้อยได้ ในอดีตอ้อยมีการแปรรูปเปลี่ยนแปลงเป็นเเค่น้ำตาล แต่ในปัจจุบันอ้อยสร้างมูลค่าได้สูงเปลี่ยนเป็นพลังงาน น้ำตาล ไฟฟ้า เเต่ถูกกดราคาจากสมาคมอ้อยเเละน้ำตาล ซึ่งหากเราทำให้ราคาอ้อยสมเหตุสมผลกับพี่น้องชาวเกษตรกรได้ ตั้งเเต่การเริ่มปลูก จนถึงเก็บอ้อยและที่สำคัญคือไม่ต้องเผา เราเชื่อว่าพี่น้องเกษตรกรจะสามารถลืมตาอ้าปากได้ พร้อมกับทำเกษตรที่ไม่สร้างผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งพรรคก้าวไกลได้มีการผลักดันในร่างพ.ร.บ.บริหารจัดการสิ่งแวดล้อม เพื่อแก้ไขปัญหา สิ่งเเวดล้อม รวมไปถึงมลพิษ pm2.5 ”
.
นอกจากนี้ พิธา ยังกล่าวย้ำว่า จังหวัดสุพรรณบุรีรอไม่ได้ ถ้าประชาชนชาวสุพรรณบุรี ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต้องมีพรรคการเมืองใหม่ๆ นักการเมืองใหม่ๆ เข้ามานำนโยบายใหม่ ครั้งนี้พรรคก้าวไกล ตั้งใจมาปักธงประชาธิปไตยที่จ.สุพรรณบุรี เราไม่เชื่อว่าเมืองสุพรรณจะมีเจ้าของ เพราะเจ้าของประเทศนี้คือประชาชนเเละประชาธิปไตย
.
จากนั้นในช่วงบ่าย พิธา พร้อมทีมงานพรรคก้าวไกลได้ลงพื้นที่ พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี พร้อมร่วมรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนในพื้นที่อ.สองพี่น้อง ก่อนจะเดินทางไปยัง จ.กาญจนบุรี เพื่อลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจก้าวไกลสัญจร ภาคกลางต่อในวันพรุ่งนี้