พิจารณ์ อัด ‘ประยุทธ์’ ไฟเขียวทอ. ซื้อเครื่องบิน 4.5 พันล้าน บี้สอบความโปร่งใส

พิจารณ์ อัด ‘ประยุทธ์’ ไม่คุมงบ ทอ. ทั้งที่เป็นรมว.กลาโหม ปล่อยจัดซื้อเครื่องบินรบ 8 ลำ งบ 4.5 พันล้าน ชี้เป็นงบผูกพันตั้งแต่งบปี 64 เร่งตรวจสอบความโปร่งใส

วันที่ 18 พ.ย.2564 นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ครุภัณฑ์และไอซีที ในกมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ให้สัมภาษณ์กรณีกองทัพอากาศจัดซื้อเครื่องบินโจมตี AT-6 จากสหรัฐฯ 8 ลำ จำนวน 4,500 ล้านบาทว่า ความจริงเรื่องนี้ไม่ควรเป็นความลับ เพราะเวลาเราซื้ออาวุธอะไร ต่างประเทศหรือผู้ขายก็อยากโฆษณาอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่ปิดกันไม่ได้อยู่แล้ว

แต่คิดว่าเมื่อเป็นการจัดซื้อและมาเป็นข่าวในช่วงที่ประเทศประสบวิกฤตโควิดและการคลังเช่นนี้ จึงค้านสายตาประชาชนมากๆ สะท้อนให้เห็นความบกพร่องในการลำดับความสำคัญ ในการจัดสรรงบประมาณของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม

นายพิจารณ์ กล่าวต่อว่า สาเหตุที่ตนพุ่งเป้าไปที่พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่ผู้บัญชาการเหล่าทัพ เพราะโครงการนี้ ถูกตั้งงบประมาณไว้ตั้งแต่ปีงบ 2564 ซึ่งต้องทำโครงการตั้งแต่ปี 2563 สมัย พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ อดีตผบ.ทอ. ที่ตั้งงบเข้ามา ซึ่งตอนนั้นมีการระบาดของโควิด-19 แล้วแต่ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกฯ ดูแลภาพรวมงบประมาณของประเทศ และดูแลกระทรวงกลาโหม ไม่ได้คำนึงถึงการจัดสรรงบให้สอดคล้องกับสถานการณ์

เฉพาะงบปี 2564 ทอ.ตั้งงบผูกพันข้ามปีที่เป็นโครงการจัดซื้ออุปกรณ์ขนาดใหญ่ทั้งหมด 10,500 ล้านบาท ซึ่งในนั้นมีโครงการจัดซื้อเครื่องบิน 8 ลำดังกล่าวอยู่

ความจริงแล้ว ทอ.จัดซื้อทั้งหมด 12 ลำ แบ่งซื้อเป็น 2 ระยะ โดยระยะแรกซื้อก่อน 8 ลำ ระยะที่สองซื้อ 4 ลำ เมื่อตั้งมาแบบนี้ ในฐานะที่กำกับกระทรวงกลาโหม ทำไมไม่ชะลอออกไปก่อน 1 ปี แทนที่จะซื้อทีละ 8 ลำ ซื้อทีละ 4 ลำก่อนได้หรือไม่ จะช่วยลดงบและสอดคล้องกับสถานการณ์ แต่เมื่อไม่ได้ทำ เงินจำนวน 4,500 ล้านบาทจะมาเป็นภาระในปีงบประมาณอีก 4-5 ปีข้างหน้าที่จะต้องทยอยจ่าย

นายพิจารณ์ กล่าวอีกว่า กรณีทอ.ตั้งงบ 10,500 ล้านบาท เป็นงบผูกพันข้ามปี ซึ่งเมื่อพิจารณางบปี 2565 โครงการดังกล่าวเป็นกฎหมายไปแล้ว ในฐานะ กมธ.จะไปยกเลิกโครงการก็ทำไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือปรับเลื่อนออกไป ตอนพิจารณางบฯ 65 ตนพยายามปรับเลื่อนไปได้ 3 โครงการ รวมจำนวนเงิน 100,900 ล้านบาท แต่อีก 4,500 ล้านบาทนั้น ทางกองทัพได้พูดถึงความจำเป็นและบอกว่าจะลงนามได้ทัน ซึ่งได้ลงนามไปเมื่อ ส.ค.ที่ผ่านมา จึงปรับเลื่อนไม่ได้

อย่างไรก็ตาม สภา มีกมธ.ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้คือ กมธ.การทหาร และกมธ.ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ ที่สามารถเรียกมาสอบถามรายละเอียด ดูเอกสารทีโออาร์ สัญญาจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ ได้

แน่นอนว่าการจัดซื้ออาวุธไม่เหมาะสม แต่เราไปขวางไม่ได้แล้ว เพราะเป็นกฎหมายตั้งแต่งบปี 2564 ทำได้เพียงตรวจสอบเรื่องความโปร่งใสว่า มีอะไรหมกเม็ดอยู่ในนี้หรือไม่ ซึ่งในยุคของ พล.อ.อ.มานัต มีการตั้งโครงการค่อนข้างมาก และมีบริษัทที่เป็นพ่อค้าอาวุธหนึ่งรายที่จะได้โครงการค่อนข้างมากในยุคนั้น จึงเป็นข้อสังเกตว่าทำไมพ่อค้ารายนี้ถึงได้หลายงาน และมีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือไม่โปร่งใสหรือไม่ ก็ต้องติดตามตรวจสอบต่อไป