‘หอการค้า’ เชื่อมั่นกรุงเทพฯพร้อมเปิดเมือง ห่วงดริงก์แอลกอฮอล์ยังเสี่ยงสูง

‘หอการค้า’ เชื่อมั่นกรุงเทพฯพร้อมเปิดเมือง ห่วงดริงก์แอลกอฮอล์ยังเสี่ยงสูง

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการร่วมประชุมขับเคลื่อนแผนการเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยวในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พร้อมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุม ซึ่งที่ประชุมได้รายงานความพร้อมในด้านต่าง ๆ ตั้งแต่มาตรการในการควบคุมและคัดกรองนักท่องเที่ยว ระบบติดตาม มาตรฐานที่พัก (SHA+) รวมไปถึงแผนเผชิญเหตุ โดยเชื่อมั่นว่าในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้จะสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ซึ่งที่ประชุมคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณเดือนละ 3 แสนคน ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม หอการค้าไทย ร่วมตรวจเยี่ยมความพร้อมของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมกับ กทม. และ ททท. เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจากต่างชาติ ซึ่งทุกฝ่ายพยายามเตรียมมาตรการรองรับไว้เป็นอย่างดี และเชื่อมั่นว่าแนวทางหรือมาตรการต่าง ๆ ที่ได้กำหนดไว้จะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ ทั้งนี้ การสื่อสารไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบในจุดต่างๆ ให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพื่อป้องกันความสับสน และสามารถปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้อง

นายสนั่น กล่าวต่อว่า สิ่งที่สำคัญของการเปิดประเทศครั้งนี้ คือการสื่อสารให้ทั้งประชาชน และผู้ประกอบการ โดยเฉพาะนักเดินทางที่จะเข้า-ออก ประเทศไทย ดังนั้น เมื่อมาตรการและข้อกำหนดต่าง ๆ มีความชัดเจนและเห็นตรงกันแล้ว ภาคเอกชนพร้อมที่จะช่วยกับทาง กทม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสื่อสารข้อมูลให้ทั่วถึง โดยในช่วงเย็นของวันนี้ หอการค้าไทยจะได้มีการสื่อสารความคืบหน้าให้กับหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศได้รับทราบต่อไป

“หอการค้าไทยค่อนข้างเป็นห่วงในเรื่องการอนุญาตให้สามารถดื่มแอลกอฮอล์ได้ในเดือนธันวาคม อาจเกิดผลกระทบจนกลายเป็นการระบาดรอบใหม่ หากเปิดให้สามารถดื่มได้อย่างอิสระ จึงเสนอให้ทดลองในพื้นที่ที่ได้รับการรับรอง SHA+ ก่อน ซึ่งที่ประชุมเห็นควรให้มีการหารือถึงแนวในการควบคุมให้ดีเสียก่อน ทั้งนี้ ทุกฝ่ายต้องตั้งอยู่บนความไม่ประมาท และพร้อมจะปรับแผนได้ตลอดเวลาหากมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น มิฉะนั้น การเติบโตทางเศรษฐกิจที่เราคาดหวังจาก 2 เดือนที่เหลือของปีนี้อาจจะไม่เกิดขึ้น” นายสนั่น กล่าว

นายสนั่น กล่าวต่อว่า ชหอการค้าไทยชได้เชิญ กทม และ ททท. ร่วมดำเนินโครงการ “ฮักไทย ฮักกรุงเทพ” ร่วมกัน ภายใต้แนวคิด “ฮักไทย (HUG THAIS)” รวมใจ ไทยไม่ทิ้งกัน โดยจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่าย จากการกิน-เที่ยว-ใช้ผลิตภัณฑ์ของไทย วัตถุดิบไทย ผู้ประกอบการไทย มีการจ้างงานคนไทย ผ่านความร่วมมือของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ภายใต้แนวคิด “ฮักกิน ฮักเที่ยว ฮักใช้” โดย หอการค้าไทยก็เชื่อว่าข้อเสนอกระตุ้นเศรษฐกิจที่ภาครัฐได้ให้ทั้งโครงการคนละครึ่ง และยิ่งใช้ยิ่งได้ มาเพิ่ม จะช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้มีเงินหมุนเวียนในระบบ มากขึ้น ด้วย รวมถึง ภาคเอกชนรอให้ภาครัฐตอบรับข้อเสนอที่ให้นำโครงการ “ช๊อปดีมีคืน” มาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม จะได้รับการตอบรับในเร็ววันนี้

นายสนั่น กล่าวต่อว่า ภาคเอกชนเข้าใจความห่วงใยของหลายฝ่าย ต่อความเสี่ยงในการเปิดประเทศ แต่เชื่อมั่นว่าทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องต่างก็ตระหนักถึงเรื่องดังกล่าวเช่นกัน และพยายามป้องกันความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น เพราะคงไม่มีใครต้องการให้เกิดการแพร่ระบาดขึ้นอีกครั้ง แต่ทั้งนี้ภาคเศรษฐกิจซึ่งเป็นหัวใจและมีผลกระทบต่อประชาชนทั้งประเทศก็เป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้น การเปิดประเทศจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น เพราะนั่นคือความอยู่รอดของประชาชนและประเทศในอนาคต อย่างไรก็ตาม ผลสัมฤทธิ์ของการเปิดประเทศคงไม่ได้อยู่ที่การเปิดรับนักเดินทางจากต่างประเทศเท่านั้น แต่อยู่ที่คนไทยทุกคนที่จะต้องช่วยกันปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัยทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดด้วย