ดราม่าวัคซีน! แชร์ว่อน กต.ส่งหนังสือด่วนแจ้งมธ. ปม ‘โมเดอร์น่า’ บริจาคจากโปแลนด์ บัวแก้วแจงไม่ได้เบรก

จากกรณี นพ.บุญ วนาสิน หรือ “หมอบุญ” ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์ แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG เปิดเรื่องการรับบริจาควัคซีน “โมเดอร์นา” 3 ล้านโดส จากประเทศโปแลนด์ ที่จะมามอบให้กับโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ โดยจะมีกำหนดส่งมอบ ภายในปลายเดือนตุลาคมนี้ นั้น

ทั้งนี้มีการแชร์ หนังสือด่วน ลงนามโดย นางจุฬามณี ชาติสุวรรณ อธิบดีกรมยุโรป ปฏิบัติราชการแทนปลัดกระทรวงต่างประเทศ ส่งหนังสือ ถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรื่อง การนำเข้าวัคซีนโมเดอร์นา (บริจาค) จากโปแลนด์ มายังมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

โดยเนื้อหาระบุว่า

เรียน อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

อ้างถึง 1. หนังสือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ อว 67/ร1135 ลงวันที่ 11 ตุลาคม 2564

2. หนังสือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ อว 67/264 ลงวันที่ 22 ตุลาคม 2564

ตามหนังสือที่อ้างถึง 1. แจ้งว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้รับความร่วมมือจากองค์กร Rzadowa Agencia Rezerw Strategicznych (RARS) ของโปแลนด์ และว่ารัฐบาลโปแลนด์จะบริจาควัคซีน โมเดอร์นาให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงขอความอนุเคราะห์กระทรวงการต่างประเทศมอบหมายให้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอร์ซอ ช่วยอำนวยความสะดวกตรวจสอบวัคซีน และร่วมกับหน่วยงานภาครัฐของโปแลนด์ในการจัดส่งวัคซีนดังกล่าวมายังประเทศไทย

และหนังสือที่อ้างถึง 2. ขอให้กระทรวงการต่างประเทศให้ความร่วมมือในการนำวัคซีนดังกล่าวเข้าประเทศไทย และมอบหมายให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอร์ซอ เป็นตัวแทนขอบคุณหน่วยงานภาครัฐของโปแลนด์ในการบริจาคดังกล่าว ความแจ้งแล้ว นั้น

กระทรวงการต่างประเทศขอเรียน ดังนี้

1. โดยที่การบริจาควัคซีนโมเดอร์นาจากโปแลนด์ข้างต้น ไม่ใช่การบริจาคในลักษณะรัฐต่อรัฐ โดยกระทรวงการต่างประเทศไม่ได้รับแจ้งเรื่องการบริจาคดังกล่าวผ่านช่องทางการทูตอย่างเป็นทางการจากกระทรวงการต่างประเทศโปแลนด์หรือสถานเอกอัครราชทูตโปแลนด์ประจำประเทศไทย จึงเห็นว่า การติดต่อโดยตรงระหว่างหน่วยงานผู้บริจาควัคซีนของโปแลนด์และหน่วยงานผู้รับบริจาควัคซีนในไทย จะเหมาะสมกว่า

2. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อาจพิจารณาหารือกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรงเกี่ยวกับกระบวนการนำวัคซีนดังกล่าวเข้าประเทศไทย รวมทั้งประเด็นอื่น ที่เกี่ยวข้อง เช่น ประเด็นการชดเชยความเสียหาย (indemnity) ฯลฯ

3. อนึ่ง ในการบริจาควัคซีน Astra Zeneca และวัคซีน Pfizer จากมิตรประเทศให้รัฐบาลไทยที่ผ่านมา บริษัทผู้ผลิตวัคซีนต้องให้ความยินยอมด้วย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จึงอาจพิจารณาแนวปฏิบัติในการบริจาควัคซีนโมเดอร์นาในครั้งนี้โดยถี่ถ้วน เพื่อป้องกันการร้องเรียนจากฝ่ายใดในภายหลัง

อย่างไรก็ตาม หลังจากการรายงานข่าวของสื่อบางสำนักและหนังสือแจ้งถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อกระทรวงต่างประเทศจากผู้ใช้โซเชียลโดยเฉพาะผู้ที่จองวัคซีนโมเดอร์น่าและต้องรอคอยอย่างสิ้นหวัง และตีความเนื้อหาทำนองว่า หน่วยงานรัฐควรอำนวยความสะดวกบนผลประโยชน์ของประชาชนไม่ใช่ยึดระเบียบขั้นตอนที่กลายเป็นอุปสรรค ยิ่งในสถานการณ์การระบาดที่วัคซีนคือความหวังที่หลายคนตั้งตารอ

เสียงวิจารณ์ทั้งตำหนิ ด่าทอต่อกระทรวงต่างประเทศอย่างหนัก ทำให้ กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ต้องออกมาชี้แจง โดยระบุว่า ตามที่มีข่าวปรากฏว่ากระทรวงต่างประเทศ เบรก” การบริจาคหรือการนำเข้าวัคซีน Moderna จากโปแลนด์ให้แก่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั้น กระทรวงการต่างประเทขอชี้แจงว่า ข่าวดังกล่าวคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง ตามรายละเอียด ดังนี้ 

กระทรวงการต่างประเทศได้รับหนังสือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 2 ฉบับ ได้แก่ 1ที่ อว 67/ร1135 ลงวันที่ 11 ตุลาคม 2564  และ 2) ที่อว 67/264 ลงวันที่ 22 ตุลาคม 2564 แจ้งว่าหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้รับแจ้งจากองค์กร RZADOWA AGENCIA REZERW STRATEGICZNYCH (RARS) ซึ่งเป็นองค์กรของโปแลนด์ที่มีหน้าที่ดูแลเรื่องวัคซีนในการป้องกันไวรัสโควิด-19 ว่ามีความประสงค์บริจาควัคซีนโมเดอร์นาจำนวน 3,000,000 โดส ให้แก่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งต่อมาแจ้งเพิ่มเติมว่ามีความพร้อมที่จะจัดส่งวัคซีน 1,500,000  โดส

ในการนี้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ขอความร่วมมือกระทรวงการต่างประเทศในการนำวัคซีนดังกล่าวเข้ามาในประเทศไทย รวมทั้งมอบหมายให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอร์ซอ อำนวยความสะดวกตรวจสอบวัคซีน ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐของโปแลนด์ในการจัดส่งวัคซีนดังกล่าวจากโปแลนด์มายังประเทศไทย และขอบคุณโปแลนด์ในนามประเทศไทย

จากข้อเท็จจริงข้างต้น จะเห็นได้ว่า หน่วยงานผู้บริจาคคือ RARS และหน่วยงานผู้รับบริจาคคือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้หารือเรื่องการบริจาควัคซีนดังกล่าวโดยตรงกันมาตั้งแต่แรก โดยกระทรวงการต่างประเทไม่เคยขัดขวางการหารือดังกล่าวในรูปแบบใดๆ

ย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทไม่เคยได้รับการยืนยันเรื่องการบริจาคนี้ในระดับรัฐบาลผ่านกระทรวงการต่างประเทโปแลนด์ หรือสถานเอกอัครราชทูตโปแลนด์ประจำประเทศไทย โดยสถานะล่าสุดที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอร์ซอได้รับแจ้งจากกระทรวงการต่างประเทศโปแลนด์คือ หน่วยงานต่างๆ ของโปแลนด์ยังหารือกันอยู่ในเรื่องการบริจาคนี้ โดยที่การบริจาคในระดับรัฐบาลยังไม่ได้รับการยืนยัน

ขณะที่ RARS ได้แจ้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แล้วว่าประสงค์จะบริจาควัคซีนให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หนังสือกระทรวงการต่างประเทตามที่เป็นข่าวจึงระบุว่าน่าจะเป็นการเหมาะสมที่หน่วยงานผู้รับบริจาคคือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จะหารือโดยตรงกับหน่วยงานผู้บริจาค คือ RARS โดยไม่มีข้อความใดในหนังสือกระทรวงการต่างประเทที่เป็นข่าว ที่คัดค้านหรือ “เบรก” ว่าไม่เห็นด้วยที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะดำเนินการเรื่องการบริจา หรือการนำเข้าวัคซีนจากโปแลนด์มายังประเทศไทยในครั้งนี้

ตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่ด้วยการจัดการบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2564 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2564 ระบุว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีอำนาจในการตกลงความร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐหรือเอกชน ทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งการจัดการบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขแก่ประชาชนของมหาวิทยาลัยธรรมศาตร์หมายความรวมถึงการจัดหา หรือนำเข้า วัคซีนและเวชภัณฑ์ด้วย ซึ่งคล้ายคลึงกับที่องค์กรอื่นเคยดำเนินการมาแล้ว กระทรวงการต่างประเทศไม่มีอำนาจเชิงกฎหมายใดที่จะ เบรก” การดำเนินการของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในการทำความตกลงกับหน่วยงานต่างประเทศ หรือการนำเข้าวัคซีนตามที่เป็นข่าว

กระทรวงการต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอร์ซอ ไม่มีบุคลากรที่มีความรู้เฉพาะทาง ที่จะสามารถสนับสนุนการตรวจสอบวัคซีน การจัดส่งวัคซีน หรือการนำเข้าวัคซีน ตามที่มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ร้องขอ เนื่องจากเป็นการดำเนินการที่ต้องใช้ความรู้ความชำนาญเฉพาะทาง และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาคุณภาพของวัคซีน ทั้งยังมีกฎหมายควบคุมหลายฉบับเพื่อปกป้องสวัสดิภาพของประชาชน กระทรวงการต่างประเทศจึงได้แนะนำให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์หารือกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นหน่วยงานโดยตรงในเรื่องนี้ และน่าจะอยู่ในสถานะที่ให้คำแนะนำและสนับสนุนการดำเนินการของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ดีกว่ากระทรวงการต่างประเทศ

ในช่วงที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทได้ดำเนินการอย่างแข็งขันเพื่อให้ได้มาซึ่งการบริจาควัคซีน Astra Zeneca และวัคซีน Pfizer จากมิตรประเทศเกือบ 10 ประเทศมายังรัฐบาลไทย ในสัญญาระหว่างประเทศผู้บริจาคและประเทศผู้รับบริจาคทุกฉบับ มีประเด็นสำคัญที่สุดประเด็นหนึ่งคือ ระเด็นการชดเชยความเสียหาย (indemnity) ในกรณีที่ผู้รับการฉีดวัคซีนเกิดผลข้างเคียง  ด้วยเหตุนี้ หนังสือกระทรวงการต่างประเทศที่เป็นข่าว จึงให้คำแนะนำว่า นอกจกเรื่องกระบวนนำเข้าวัคซีนแล้ว มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อาจพิจารณาหารือกรมควบคุมโรค ซึ่งเป็นหน่วยงานโดยตรง ในประเด็นการชดเชยความเสียหายด้วย ทั้งนี้ เนื่อจากกระทรวงการต่างประเทคำนึงถึงการให้ความคุ้มครองสูงสุดประชาชนผู้รับการฉีดวัคซีนเป็นหลัก

นอกจากนี้ ในการทำสัญญาระหว่างประเทศผู้บริจาคและประเทศผู้รับการบริจาควัคซีน Astra Zeneca และวัคซีน Pfizer ตามข้อ 6ทุกฉบับ บริษัทผู้ผลิตวัคซีนต้องรับทราบและให้ควาเห็นชอบการบริจาค ทั้งสัญญาการบริจาคทุกฉบับยังมีรายละเอียดเงื่อนไขต่างๆ ที่มีข้อผูกพันทางกฎหมาย อาทิ การห้ามมิให้นำวัคซีนที่ได้รับบริจาคมาจำหน่ายเพื่อลประโยชน์เชิงพาณิชย์ โดยที่การดำเนินการของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ข้างต้นจะเป็นการรับบริจาควัคซีน Moderna เป็นครั้งแรก และกระทรวงการต่างประเทศไม่ได้มีส่วนร่วมในการเจรจาสัญญาการบริจาคระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และ RARS กระทรวงการต่างประเทศจึงให้คำแนะนำโดยสุจริตใจและอย่างมืออาชีพว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์น่าจะพิจารณากระบวนการรับบริจาคอย่างถี่ถ้วน ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เองไม่ให้ถูกร้องเรียนจากฝ่ายใดในภายหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากถูกมองว่ามีผลประโยชน์เชิงพาณิชย์เกี่ยวข้องกับวัคซีนที่ได้รับบริจาค

กระทรวงการต่างประเทศได้มีบทบาทแข็งขันในการเจรจาจัดหาวัคซีนให้ประเทศไทย ทั้งในรูปแบบการซื้อ ซื้อต่อ แลกเปลี่ยน และรับบริจาค มาโดยตลอด และมุ่งมั่นที่จะดำเนินภารกิจสำคัญนี้ต่อไป โดยคำนึงถึงผลประโยชน์และความปลอดภัยสูงสุดของประชาชนทุกคนที่อาศัยในประเทศไทย