สมาคมค้าปลีกเชียร์เปิดประเทศ 1 พ.ย. – แต่ต้องมีมาตรการด้านสาธารณสุขที่เข้มข้น

สมาคมค้าปลีกเชียร์เปิดประเทศ 1 พ.ย. – แต่ต้องมีมาตรการด้านสาธารณสุขที่เข้มข้น เร่งฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้า

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า จากการสำรวจ TRA Poll ในหัวข้อ “ภาคการค้าปลีกและบริการพร้อมเปิดประเทศ ภายใต้เงื่อนไขมิติเศรษฐกิจและสาธารณสุข” จากการสำรวจผู้บริหารกลุ่มค้าปลีก ค้าส่ง และบริการ จำนวน 283 ราย คลอบคลุมทุกภาคของประเทศ ในระหว่างวันที่ 8-12 ต.ค. 2564

พบว่า พบว่ากลุ่มตัวอย่าง 62.1% สนับสนุนการเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย. นี้ แต่ต้องมีมาตรการด้านสาธารณสุขที่เข้มข้น และทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ค่อยๆ ลดลง

โดยส่วนใหญ่มองว่าเป็นสัญญาณที่ดี เป็นการเปิดรับนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติให้เข้าประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัว แต่ต้องขอเน้นย้ำรัฐบาลในเรื่องการเตรียมความพร้อมเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างจริงจังและเข้มข้น

รัฐบาลต้องให้ความสำคัญในสองด้านคือ ด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจ ในส่วนด้านสาธารณสุขกลุ่มตัวอย่าง 80.5% เห็นว่าควรฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้าคือ 70% ของประชากรทั้งประเทศ 74.8% เห็นว่าควรมีมาตรการคัดกรองที่เข้มงวดและมีแผนวัคซีนถึงปีหน้า 64.2% ต้องทำให้ประชาชนเข้าถึงชุดตรวจ ATK ที่สะดวกราคาจับต้องได้

ด้านเศรษฐกิจ กลุ่มตัวอย่าง 68.6% เห็นว่าควรเพิ่มกำลังซื้อแก่ประชาชนอย่างตรงเป้าหมายและมีประสิทธิภาพ 65.7% เห็นว่าควรส่วเสริมการท่องเที่ยวในประเทศเพื่อกระจายรายได้ 62.1% รัฐบาลควรลดค่าครองชีพให้กับประชาชนทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เนต 52.1% ต้องเสริมสภาพคล่องให้ ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำได้

ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างยังมีความกังวลในเรื่องของการเปิดประเทศในประเด็นต่างๆ โดย 73.2% มองว่าประชาชนยังไมาได้รับวัคซีนที่เพียงพอ 60.9% มองว่าการติดเชื้อยังอยู่ในระดับสูง 56.8% เห็นว่ามาตรการควบคุมการระบาดยังไม่เข้มข้น 36.2% เห็นว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินมาตรการรัฐค่อนข้างสูง

อย่างไรก็ตาม ทางผู้ประกอบการก็มีความพร้อมในการเตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยวหรือการเปิดประเทศ โดย 77.3% มีพนักงานได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ 57.6% พร้อมกลับมาเปิดกิจการตามปกติ 47.1% มีความพร้อมปฎิบัติตามมาตรการ Covid-19 Free Setting 39.2% มีการคัดกรองผู้ติดเชื้อทร่เข้มข้น

พร้อมให้คำแนะนำว่ารัฐบาลควรกระตุ้นเศรษฐกิจด้านต่างๆ คือ 70.7% เห็นว่าควรส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว 60.7% ส่งเสริมด้านการลงทุน 56.8% ส่งเสริมโครงสร้างการรองรับ new economy 44.6% ส่งเสริมการศึกษา การพัฒนาศักยภาพประชากร 44.3% ลดความเหลื่อมล้ำอย่างเป็นรูปธรรม

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของการเปิดประเทศครั้งนี้ นอกเหนือจากการผ่อนคลายมาตรการทางสาธารณสุขแล้ว สมาคมผู้ค้าปลีกไทยยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของการกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศ ในกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงโดยการนำโครงการ “ช้อปดีมีคืน” กลับมาอีกครั้งหนึ่ง และเพิ่มวงเงินเป็น 200,000 บาท เพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นให้กลับมาโดยเร็ว

สำหรับผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่ม SME ให้จัดหาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง และเป็นแต้มต่อให้ SME ไทยสามารถดำเนินธุรกิจได้ต่อไป คนไทยควรปรับแนวคิดว่าจะต้องใช้ชีวิตร่วมกับ โควิดให้ได้ และต่อจากนี้ไปเราต้องร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ เพื่อผลักดันเศรษฐกิจไทยเข้าสู่การฟื้นฟูอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อการเติบโตของประเทศอย่างยั่งยืน