“เกศปรียา” ห่วงคุมโควิดไม่อยู่ หลังการจัดอันดับระบบสาธารณสุขไทยตกฮวบ

เกศปรียา”ชี้ความสามารถด้านสาธารณสุขไทยลดฮวบหวั่นคุมโควิดไม่อยู่ ชี้เปิดเมืองมาตรการด้านสาธารณสุขต้องเข้มข้น แนะเร่งระดมฉีดวัคซีนสร้างความเชื่อมั่น

วันที่ 18 ตุลาคม 2564 นางสาวเกศปรียา แก้วแสนเมือง รองเลขาธิการ พรรคเพื่อชาติ เปิดเผยว่า เห็นด้วยที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีนโยบายเปิดประเทศ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว เพราะเป็นทางออกเดียวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่ในสถานการณ์การระบาดโควิดยังหนัก ติดเชื้อเกิน 10,000 คนและเสียชีวิตเกือบ 100 คนต่อวัน ถือว่าการระบาดของไวรัสในประเทศยังน่าห่วง

ในขณะเดียวกัน จากการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาดของรัฐบาลที่ผ่านมา การเปิดประเทศต้องมาพร้อมกับมาตรการในการป้องกันการระบาดอย่างเข้มข้น รัฐต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่น รวมทั้งการออกมาตรการป้องกันประชาชนอย่างเต็มที่ โดยการเดินหน้าแก้ปัญหาเชิงรุก ระดมบุคลากรทางการแพทย์ฉีดวัคซีนให้มากที่สุด จนถึงวันนี้รัฐบาลฉีดวัคซีนเข็มแรกไม่ถึงร้อยละ 40 ของประชากรทั้งประเทศ ดังนั้นการเปิดประเทศของรัฐบาลถือว่าเป็นการนำชีวิตประชาชนมาเสี่ยงกับนโยบายของรัฐบาล

นางสาวเกศปรียา กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ในปี 2562 (2019) CEOWorld Magaxine ได้จัดอันดับให้ระบบสาธารณสุขไทย อยู่ลำดับที่ 6 ของโลก จาก 89 ประเทศ โดยใช้ดัชนีสุขภาพ 5 ตัวดังต่อไปนี้ ได้แก่
1)โครงสร้างพื้นฐานของระบบบริการสุขภาพ (Infrastructure)
2) บุคลากรทางการแพทย์ (แพทย์, พยาบาล และบุคลากรทางสาธารณสุข หรือ Professionals)
3) ค่าใช้จ่ายต่อคนต่อปี (Cost)
4) ความพร้อมของยาที่ให้บริการ (Medicine Availability)
5)ความพร้อมของรัฐบาล (Government Readiness)

ด้วยคะแนน 67.99 แต่การประกาศเมื่อเดือนเมษายน ปี พ.ศ. 2564 (ค.ศ.2021) จะเป็นการประเมินผลงาน ของปี 2563 ซึ่งไทยใช้ยาแรงคุมโควิด เอาอยู่ ผู้ป่วยไม่ถึง 4,000 ได้ลำดับที่ 13 คะแนน 59.52 ลดลงถึง 7 ลำดับ ถ้าประเมินผลของปี 2564 น่าจะลดลงมากกว่านี้ เพราะการระบาดของไทยหนักขึ้นในปี 2564 ซึ่งส่งผลให้ความสามารถในระบบสาธารณสุขของไทยลดลงตามไปด้วย

ดังนั้น กรณีที่เกิดขึ้นพลเอกประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ควรออกมาขอโทษประชาชน โดยการพูดความจริงกับประชาชน ไม่ให้ผิดซ้ำซาก เพราะทุกอย่างเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่อชีวิตของพี่น้องประชาชนชาวไทย เเละก่อนที่ร้ฐบาลจะเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายน รัฐบาลเเละพลเอกประยุทธควรจะชี้เเจ้งให้ประชาชนเเละต่างชาติรับรู้ถึงการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆเสียก่อน ไม่ใช่คิดจะเปิดประเทศเพียงเพราะพลเอกประยุทธพลั้งปากพูดออกมาว่าจะเปิดประเทศภายใน 120 วัน ในวันที่ 16 มิย 2564 ทั้งๆที่ในขณะนั้นการเเพร่ระบาดยังคงอยู่ในจุดที่สูงมากๆเเละยังไม่เห็นเเนวโน้มที่จะลดลงเลย

นอกจากนี้ สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ไวรัสสายพันธุ์เดลตายังระบาดได้ทุกเมื่อ แม้ในประเทศที่ฉีดวัคซีนครบโดสเกินร้อยละ 70-80 ของประชากร และยังมีความเสี่ยงที่อาจเกิดสายพันธุ์ใหม่ๆ ได้ นั่นหมายความว่าแม้ในประเทศที่เปิดเมืองแล้ว ประชาชนก็ยังต้องระมัดระวังตัว

“ดังนั้นรัฐบาลก็ต้องเตรียมมาตรการสาธารณสุขให้พร้อมตลอดเวลา เช่น เร่งฉีดวัคซีนเชิงรุกครบโดสให้ได้มากที่สุดสำหรับประชากรทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง แจกจ่ายหรือจัดหาชุดตรวจเชื้อโควิด-19 ในราคาย่อมเยาที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย ยกระดับระบบดูแลตัวเองที่บ้านและในชุมชน ให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ รวมถึงต้องพร้อมทุกเมื่อที่จะกลับมาใช้มาตรการเข้มงวด ถ้าหากว่าสถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก” นางสาวเกศปรียา กล่าวทิ้งท้าย