‘พิพัฒน์’ ยันคุ้มค่า 600 ล. ดึง ‘ลิซ่า-โบเชลลี’ เคาต์ดาวน์เมืองไทย โปรโมตภูเก็ตเมืองท่องเที่ยว-อวดสายตาชาวโลกฉากอลังการวัดพระแก้ว

ยังเป็นข้อถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงจำนวนเงินที่จะว่าจ้าง ลิซ่า แบล็คพิงก์ (น.ส.ลลิษา มโนบาล) ในฐานะศิลปินชาวไทยที่มีชื่อเสียงระดับโลก และอันเดรอา โบเชลลี นักร้องโอเปร่าชื่อดังอันดับ 1 ของโลกชาวอิตาลี ร่วมงานเคาต์ดาวน์ปีใหม่ 2022 ที่ประเทศไทยนั้น

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า แผนการทาบทาม ลิซ่า แบล็คพิงก์ และอันเดรอา โบเชลลี ร่วมงานเคาต์ดาวน์ปีใหม่ 2022 เบื้องต้นได้หารือร่วมกับตัวแทนผู้ประกอบการ (เอเยนซี่) ในประเทศไทย ของทั้ง 2 ศิลปินแล้ว งานนี้คาดใช้งบประมาณ 500-600 ล้านบาท โดยเป็นงบประมาณของรัฐบาล 200 ล้านบาท อีกประมาณ 300-400 ล้านบาท เป็นงบจากเอกชนที่จะร่วมสนับสนุนการจัดงานนี้ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวไทย โดยเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบแล้ว เหลือเพียงหารือกับต้นสังกัดของ 2 ศิลปินเท่านั้น

“ยืนยันแนวคิดนี้รัฐบาลเดินหน้าทำจริงจังแน่นอน เพราะได้ติดต่อกับทางผู้ประสานงานแล้ว ซึ่งพิจารณาตารางและเวลางานเบื้องต้นพบว่ามีความเป็นไปได้ แต่ต้องหารือกันเพิ่มเติม เพื่อกำหนดรายละเอียดที่ชัดเจนต่อไป จึงเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาในการเดินทางมาทำกิจกรรมที่เมืองไทย ส่วนค่าใช้จ่ายที่หลายคนอาจมองว่าอยู่ค่อนข้างสูง หากพิจารณาผลที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทยแล้ว ถือว่าคุ้มค่ามากกว่า ทั้งในเชิงสังคมและเศรษฐกิจ เพราะการจัดงานครั้งนี้ ทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมกันจัดขึ้น เพื่อดึงดูดการเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และสร้างรายได้เข้าประเทศเพิ่ม รวมถึงเพื่อสร้างกำลังใจให้คนไทย ที่ต้องอยู่กับการระบาดโควิด-19 มาเกือบ 2 ปี” นายพิพัฒน์กล่าว

นายพิพัฒน์กล่าวว่า ตามแผนการจัดกิจกรรม วางตัวลิซ่า แบล็คพิงก์ ร่วมเคาต์ดาวน์ในจังหวัดภูเก็ต ที่ ททท.จะจัดเป็นอีเวนต์ระดับโลกโปรโมตภูเก็ตในฐานะเมืองท่องเที่ยวระดับโลก (World Class Destination) ส่วนอันเดรอา โบเชลลี ศิลปินที่เคยแสดงคอนเสิร์ตเรียกน้ำตาจากคนทั่วโลก ที่มหาวิหารดูโอโม แสดงคอนเสิร์ต Music For Hope เพื่อส่งกำลังใจ ความรัก การเยียวยา และความหวังแก่ชาวอิตาลี ผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 ในวันอีสเตอร์ ซึ่งถือเป็นคอนเสิร์ตครั้งประวัติศาสตร์ที่ผู้คนทั่วโลกพูดถึง จะร่วมเคาต์ดาวน์ที่กรุงเทพมหานคร โดยจะใช้ฉากหลังเป็นวัดพระแก้ว และสนามหลวง เพื่ออวดประเทศไทยต่อสายตาคนทั่วโลก ซึ่งการแสดงในกรุงเทพฯต้องหารือกับผู้ว่าฯกทม. ก่อนว่าจะสามารถดำเนินการได้ในรูปแบบที่วางแผนไว้หรือไม่