วิโรจน์ ซัดประยุทธ์ ไม่สำนึก แถลงยกตัวเองบนความสูญเสีย พาปชช.เสี่ยง

‘วิโรจน์’ ซัด ‘ตู่’ ไม่สำนึก แถลงยกตัวเองบนความสูญเสีย กล้าเปิดประเทศพาปชช.ไปเสี่ยง เตือนเตรียมมาตรการรับมือให้พร้อมที่สุด

เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2564 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงจะเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย. ว่า จากแถลงการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นการตัดสินใจที่มีความเสี่ยงมาก เพราะแต่เดิม ในวันที่ 16 มิ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ ได้กำหนดเงื่อนไขในการเปิดประเทศเอาไว้ว่า จะต้องมีประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม แล้วไม่ต่ำกว่า 50 ล้านคน แต่จากข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 11 ต.ค.64 มีประชาชนที่ได้รับวัคซีนเข็มแรกไปเพียง 35.46 ล้านคน หรือ 49.2% ยังไม่ถึงครึ่ง

สำหรับประชาชนที่ฉีดวัคซีนไปแล้ว 2 เข็มนั้น มีอยู่เพียง 23.8 ล้านคน คิดเป็น 33% ของประชากรเท่านั้น และในจำนวนนี้ยังรวมประชากรที่ฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มเข้าไปด้วย ซึ่งวันนี้ระดับภูมิคุ้มกันน่าจะไม่อยู่ในระดับที่มีประสิทธิผลเพียงพอที่จะป้องกันเชื้อสายพันธุ์เดลต้าได้อีกต่อไปแล้ว

นายวิโรจน์ ระบุต่อว่า เข้าใจดีว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจวันนี้พังพินาศ ประชาชนทุกข์ยากอย่างแสนสาหัส จนไม่สามารถปิดเมืองต่อไปได้อีกแล้ว การเปิดประเทศและเปิดรับการท่องเที่ยว ในสถานการณ์ที่อัตราการฉีดวัคซีนยังไม่ถึงครึ่ง และการแพร่ระบาดได้กระจายตัวไปยังต่างจังหวัดเช่นนี้ เข้าใจว่าเป็นภาวะจำยอมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เป็นการตัดสินใจที่เป็นการนำพาเอาชีวิตของประชาชนทั้งประเทศมาเสี่ยงอย่างมาก และเป็นไม่จำเป็นต้องเสี่ยงมากถึงขนาดนี้

“หากรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ มีการกระจายความเสี่ยงในการจัดหาวัคซีน และจัดเตรียมระบบการลงทะเบียนฉีดวัคซีนที่ดีกว่านี้ มีการจัดเตรียมความพร้อมของระบบสาธารณสุข เพื่อให้ประชาชนที่ติดเชื้อเข้าถึงยาและการรักษาได้อย่างทันท่วงที มีการจัดเตรียมระบบกักตัวที่บ้าน และ Community Isolation ที่เพียงพอต่อการสกัดกั้นการระบาดของโรค”

นายวิโรจน์ ระบุอีกว่า แถลงการณ์ที่ทำให้ประชาชนรู้สึกคับแค้นที่สุด น่าจะเป็นประโยคที่ พล.อ.ประยุทธ์ พูดว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ในโลก ที่ลงมือดำเนินการรับมือกับโควิด-19 อย่างรวดเร็ว และชัดเจนที่สุด และประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกในการปกป้องรักษาชีวิตของประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ ลืมแล้วหรือว่า ในเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ทั้งอัตราการติดเชื้อ และอัตราการเสียชีวิตต่อประชากร 1 ล้านคนของประเทศไทยนั้นอยู่ในระดับที่สูงมาก แซงทั้งสหรัฐอเมริกา และอินเดีย

“พล.อ.ประยุทธ์ ลืมไปแล้วหรือว่ามีประชาชนต้องรอเตียงจนตายคาบ้าน หลายรายต้องตะเกียกตะกายมานอนตายกลางถนน หลายรายที่ติดเชื้อแล้ว ต้องรอตรวจ รอผลตรวจ จากที่มีอาการเพียงเล็กน้อย ก็ต้องกลายมาเป็นผู้ป่วยสีเหลือง สีแดง กว่าจะเข้าถึงยาอาการก็หนัก จากที่มีโอกาสรอดก็ต้องมาตาย หลายรายลูกต้องมาเป็นกำพร้า”

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล้าที่จะพูดยกตัวเองบนคราบน้ำตา และความสูญเสียของประชาชน สะท้อนอย่างชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยสำนึกในความผิดของตัวเอง ไม่เคยเห็นค่าของชีวิตคนเลย จนป่านนี้ หาก พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงพูดแบบนี้ คงจะมั่นใจได้แล้วว่าโอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดี คงยากจะเกินเยียวยาเต็มที

นายวิโรจน์ ระบุต่อว่า สิ่งที่อยากจะบอก พล.อ.ประยุทธ์ คือ การเปิดประเทศในครั้งนี้เป็นภาวะจำยอมที่เป็นการนำพาชีวิต และอนาคตของประชาชนทั้ง 67 ล้านคนไปเสี่ยง พล.อ.ประยุทธ์ ต้องใช้เวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดในการเตรียมมาตรการต่างๆ รองรับให้พร้อมที่สุด ทั้งความครอบคลุมในการฉีดวัคซีน การเร่งฉีดวัคซีนในพื้นที่ชุมชนหนาแน่น ย่านเศรษฐกิจ และย่านท่องเที่ยว

“การวางระบบให้ประชาชนเข้าถึงชุดตรวจ ATK ได้อย่างสะดวก ไม่มีค่าใช้จ่าย หรือมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำที่สุด การเตรียมขีดความสามารถของระบบสาธารณสุข ทั้งยา เวชภัณฑ์ และระบบในการดูแลผู้ป่วย ตลอดจนแผนสำรอง เพื่อรองรับการระบาดในระลอกถัดๆ ไปที่อาจจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเกิดจากคลัสเตอร์ใด หรือแม้แต่คลัสเตอร์แรงงานต่างชาติก็ตาม เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ กล้าที่จะพาประชาชนทั้งแผ่นดินไปเสี่ยง ก็ต้องวางแผนในการป้องกันความเสี่ยงให้ดีที่สุด อย่าได้พาประชาชนไปล้มตายเป็นผักปลาอีก” นายวิโรจน์ กล่าว