‘เพื่อไทย’ มีมติ ขับ ‘ศรัณวุฒิ’-‘พรพิมล’ พ้นพรรค ระทึก! เจอ ส.ส.หญิง ผลตรวจ ATK เป็นบวก

‘เพื่อไทย’ มีมติ ขับ ‘ศรัณวุฒิ’-‘พรพิมล’ พ้นพรรค ระทึก เจอ ส.ส.หญิง ผลตรวจ ATK เป็นบวก

วันที่ 12 ต.ค. 2564 เมื่อเวลา 09.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค พท.เพื่อพิจารณาความผิด 2 ส.ส.คือนายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ และนางพรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานีที่โหวตสวนมติพรรคในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลช่วงที่ผ่านมา จากนั้นเวลา 13.00 น. กรรมการบริหารพรรคได้นำผลการตัดสิน ไปประชุมร่วมกับ ส.ส.ของพรรค เพื่อขอมติจาก ส.ส.เพื่อขับพ้นจากความเป็นสมาชิก โดยจะต้องใช้เสียง 3 ใน 4 ของ ส.ส.ทั้งหมด

ทั้งนี้ มีการแบ่งห้องประชุมออกเป็นสองห้องตามมาตรการรักษาระยะห่าง เพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 โดยก่อนเข้าประชุมได้มีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยชุดตรวจเอทีเคกับผู้ร่วมประชุมทุกคน ซึ่งมีรายงานเบื้องต้นว่านางมุกดา พงษ์สมบัติ ส.ส.ขอนแก่น มีผลตรวจเป็นบวก จากนั้นได้ส่งตัวนางมุกดาไปตรวจหาเชื้อโควิดอย่างละเอียดอีกครั้งด้วยวิธี RT-PCR ที่ รพ.พระรามเก้า อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการลงคะแนน ได้เปิดให้ ส.ส.ลงคะแนนแบบลับโดยการหย่อนบัตรลงหีบ

จากนั้นเวลา 15.20 น.นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค พร้อมด้วย น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรค ร่วมแถลงผลการลงมติว่า คณะกรรมการบริหารพรรคได้พิจารณารายงานการสอบสวนวินัย และจริยธรรมของคณะกรรมการวินัยและจริยธรรมแล้วมีมติ ดังนี้ 1.กรณีของนายศรัณย์วุฒิมีพฤติการณ์กล่าวหาพรรคและผู้บริหารของพรรคด้วยการแถลงต่อสื่อมวลชนหลายครั้งติดต่อกัน อันมีลักษณะเป็นปฏิปักษ์ต่อพรรค เป็นการทำลายภาพลักษณ์และชื่อเสียงของพรรค ก่อให้เกิดความเสียหายต่อพรรคอย่างร้ายแรง การกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับพรรคเพื่อไทย พ.ศ.2561 ข้อ 19 (3) และ (8) และเป็นการกระทำผิดวินัยและจริยธรรมของการเป็นสมาชิกพรรคตามข้อบังคับพรรคข้อ 113 (3) และ (5) จึงเห็นชอบด้วยมติเอกฉันท์ให้ลงโทษนายศรัณย์วุฒิ ด้วยการให้พ้นจากสมาชิกภาพตามข้อบังคับพรรคข้อ 118 (4) ตามความเห็นของคณะกรรมการวินัยและจริยธรรม

นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีของนางพรพิมลมีพฤติการณ์ฝักใฝ่พรรคการเมืองอื่น ไม่ยืดมั่นในเจตนารมณ์และอุดมการณ์ของพรรค อีกทั้งเป็นการกระทำผิดซ้ำสองในพฤติการณ์เดียวกันซึ่งพรรคได้เคยมีมติลงโทษไปแล้ว ตามคำสั่งพรรคเพื่อไทย ที่ 0045/2563 ลงวันที่ 4 ก.พ.63 ซึ่งการฝักใฝ่พรรคการเมืองอื่นของนางพรพิมล ถือเป็นการผ่าฝืนข้อบังคับพรรคพท. พ.ศ.2561ข้อ 19 (3) และ (7) และถือเป็นการกระทำผิดวินัย และจริยธรรมของการเป็นสมาชิกตามข้อบังคับพรรคข้อ 113(2) (3) และ (12) จึงเห็นชอบด้วยมติเอกฉันท์ให้ลงโทษนางพรพิมลด้วยการให้พ้นจากสมาชิกภาพตามข้อบังคับพรรค ข้อ 118 (4) ตามความเห็นของคณะกรรมการวินัยและจริยธรรม

นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า และในการประชุมร่วมกันระหว่างกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.จำนวน 143 คน มีผู้มาใช้สิทธิออกเสียง 135 คน ซึ่งตามข้อบังคับพรรคต้องใช้เสียง 3 ใน 4 ของจำนวนสมาชิก คือ 108 คน ซึ่งผลการลงคะแนนปรากฏว่ากรณีนายศรัณย์วุฒิ ส.ส.มีมติเห็นด้วยตามมติของกรรมการบริหารพรรคให้ลงโทษด้วยคะแนน 131 เสียง ไม่เห็นด้วย 2 เสียง บัตรเสีย 2 เสียง ส่วนกรณีนางพรพิมล มีมติเห็นด้วย 134 คน ไม่เห็นด้วย 1 เสียง ดังนั้นที่ประชุมจึงมีมติให้ทั้งสอง ส.ส.พ้นจากสมาชิกภาพความเป็น ส.ส.ของพรรค และให้มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หลังจากนี้พรรคจะแจ้งทั้งสองคนให้รับทราบมติ และพรรคจะได้แจ้ง กกต.เพื่อให้ทราบผลการลงมติดังกล่าว โดยทั้งสองท่านสามารถหาพรรคสังกัดใหม่ได้ภายใน 30 วัน

เมื่อถามว่า หากสอง ส.ส.ไม่ได้รับความเป็นธรรม จะสามารถร้องเรียนได้หรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ก่อนที่พรรคจะมีมติดังกล่าว ทางพรรคได้เชิญทั้งสองท่านมาให้ชี้แจงถึงเหตุผลของการกระทำดังกล่าวถึง 2 ครั้ง ซึ่งทั้งสองท่านก็ไม่มาชี้แจงทั้ง 2 ครั้ง ถือว่าพรรคเปิดโอกาสให้มาชี้แจงแล้ว แสดงว่าทั้งสองท่านไม่ประสงค์จะชี้แจง ส่วนกรณีอื่นๆ พรรคได้สอบสวนแล้วเห็นว่าสามารถชี้แจงเหตุผลได้

เมื่อถามถึงกรณีที่มี ส.ส.มีผลตรวจเอทีเคเป็นบวก นายประเสริฐ กล่าวว่า ที่ทราบเป็นผลเบื้องต้น ยังไม่ใช่ผลยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่เมื่อทราบว่ามีผลเป็นบวก ทางพรรคได้ส่งตัว ส.ส.คนดังกล่าวไปตรวจหาเชื้อซ้ำอีกครั้งที่ รพ.พระรามเก้าแล้ว เพื่อให้เกิดความชัดเจน ทั้งนี้ ส.ส.คนดังกล่าวไม่ได้เข้าประชุมพรรค และยืนอยู่ห่างจาก ส.ส.ท่านอื่น เนื่องด้วยมาตรการทางสาธารณสุขในการเว้นระยะห่าง