“อนุชา” ชี้ ‘มหาสมปอง’ เข้าใจคลาดเคลื่อนไปเอง ‘ถูกกดดันให้สึก’

“อนุชา” รมว.สำนักนายกฯ เชื่อ​ “มหาสมปอง” เข้าใจคลาดเคลื่อนถูกกดดันให้สึก​ วอนอย่าเอาพุทธศาสนาไปอยู่ในวังวน​ ระบุ​ พศ.ไม่มีอำนาจ​ แต่เป็นของ มส. – พระปกครอง

วันที่ 12 ตุลาคม 2564 เมื่อเวลา​ 08.50 น.​ ที่ทำเนียบรัฐบาล​ นายอนุชา​ นาคาศัย​ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี​ ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ​ (พศ.)​ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพระมหาสมปอง​ ​ตาลปุตฺโต​ ออกมาระบุว่าถูกกดดันให้สึก ว่า​ ทาง​พศ.ไม่ได้ทราบเรื่องดังกล่าว เนื่องจากเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในอำนาจของพศ. แต่เป็นเรื่องของคณะสงฆ์ตามพ.ร.บ.สงฆ์ ซึ่งหากจะมีเหตุใดเกิดขึ้นก็ต้องเกิดจากการกระทำผิด โดยพระผู้ปกครองจะเป็นผู้พิจารณาเพียงหนทางเดียว

ดังนั้น ในครั้งนี้อาจจะเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ไม่อยากให้สังคมแบ่งพรรคแบ่งฝ่าย ในฐานะฆราวาส ที่กำกับดูแลพศ. ไม่อยากพูดถึงเรื่องดังกล่าวเลย เนื่องจากพระพุทธศาสนาเป็นเสาหลักของชาติ คนไทยจึงต้องช่วยกันปกป้องพระพุทธศาสนา ดูแลด้วยข้อเท็จจริง ไม่ใช่ว่าสังคมแบ่งฝ่ายเพื่อให้เกิดกระแสของพระสงฆ์เกิดขึ้น เราไม่ต้องการให้เรื่องพระพุทธศาสนาเลยเกิดไป จึงขอวิงวอนให้ทุกคนเล็งเห็นว่า เสาหลักของชาติบ้านเมืองที่เราอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ คือ​ ชาติ​ ศาสนา​ พระมหากษัตริย์ เราจึงต้องปกป้อง ถอดจิตวิญญาณมาช่วยกันปกป้องดูแล อย่าให้เกิดความแตกแยกในพระพุทธศาสนา

ผู้สื่อข่าวถามว่า​ ทาง พศ.จำกัดรูปแบบการเผยแพร่ธรรมะหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องของพศ. แต่เป็นเรื่องของคณะสงฆ์โดยตรง เพราะหลักของพระพุทธเจ้าคือการละกิเลสไปสู่การนิพพาน ไปสู่ความสงบ นี่คือหัวใจของศาสนาพุทธ ดังนั้น​ ต้องเดินไปตามหลักพระพุทธศาสนา เพื่อให้เสาหลักคงอยู่ไปชั่วลูกชั่วหลาน ซึ่งทางมหาเถรสมาคม​ (มส.)​ จะต้องเป็นผู้กำกับดูแล​ ทางพศ.เป็นเพียงแค่ฝ่ายเลขานุการ คนที่มีอำนาจดูแลคือ​ มส.และพระผู้ปกครอง​ พระมหาสมปองจึงต้องดูเรื่องนี้เป็นหลัก อย่าให้กระทบกระทั่งถึงพระพุทธศาสนา ดูเป็นกรณีไป อย่าเอาพระพุทธศาสนาไปตกอยู่ในวังวน

เมื่อถามถึงกรณีที่ประชุม​ มส.เมื่อวันที่​ 11​ ต.ค.​ ชี้แจงเรื่องการปลดเจ้าคณะจังหวัด​ 3​ รูป​ แต่ดูเหมือนว่าประชาชนยังไม่เกิดความกระจ่าง​ นายอนุชา​ กล่าวว่า​ เป็นเรื่องปกติที่สังคมจะเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่เราต้องเชื่อในการปกครองของคณะสงฆ์ ซึ่งหลายครั้งเรื่องพระพุทธศาสนาจะพูดลงลึกถึงแก่นไม่ได้​ ลงลึกถึงการกระทำของตัวบุคคลไม่ได้ สิ่งเหล่านี้จึงอยากให้ประชาชนเข้าใจ ว่าทุกอย่างเป็นองค์ประกอบที่เราจะทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เพื่อคงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนาของเรา