สธ.โต้โซเชียล แจงปมสารกัมมันตภาพรังสีในวัคซีน mRNA ชี้นาโนพาร์ทิเคลไม่เป็นอันตราย

สธ.เผย นร. 12-17 ปี ฉีดวัคซีนไฟเซอร์แล้ว 4.19 แสนคน แจงวัคซีน mRNA ไม่มีสารกัมมันตภาพรังสี หรือโลหะหนักปนเปื้อน ส่วนนาโนพาร์ทิเคิลก็ไม่อันตราย

วันที่ 11 ต.ค.64 นพ.เฉวตสรร นามวาท ผอ.กองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค (คร.) แถลงข่าวสถานการณ์โควิด-19 และกรณีวัคซีนโควิด-19 พบการปนเปื้อนว่า วันนี้ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10,035 ราย รักษาหาย 10,590 ราย เสียชีวิต 60 ราย กำลังรักษา 110,265 ราย ผู้ป่วยปอดอักเสบลดลงเรื่อยๆ จากวันที่ 28 ก.ย. พบ 3,283 ราย วันที่ 11 ต.ค. เหลือ 2,969 ราย ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ วันที่ 28 ก.ย. 738 ราย วันที่ 11 ต.ค. ลดเหลือ 680 ราย และเสียชีวิตจากวันที่ 28 ก.ย. 129 ราย วันที่ 11 ต.ค. ลดเหลือ 60 ราย โดย กทม.ปริมณฑล แนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ชายแดนใต้ยังเพิ่มสูงต่อเนื่อง

สำหรับผู้ป่วยโควิด ที่เสียชีวิต ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. – 7 ต.ค. มีจำนวน 17,324 ราย ค่ากลางอายุ 67 ปี พบอายุ 60 ปีขึ้นไป 11,693 ราย กลุ่มมีโรคประจำตัว 15,110 ราย เป็นความดันโลหิตสูง 9 พันราย เบาหวาน 6 พันกว่าราย ไขมันในเลือดสูงเกือบ 4 พันราย และโรคไตเรื้อรังเกือบ 2 พันราย เป็นต้น ไม่มีโรคประจำตัว 1,462 ราย หญิงตั้งครรภ์เสียชีวิต 30 ราย เป็นคนไทย 97% ต่างชาติ 3%

โดย กทม.มีผู้เสียชีวิตสูงสุด 6,295 ราย ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ไม่ได้รับวัคซีน ส่วนฉีด 2 เข็มเกิน 2 สัปดาห์แล้วเสียชีวิตพบน้อยมาก แสดงว่าประสิทธิผลของวัคซีนป้องกันการเสียชีวิตมีสูงมาก อยากให้คนยังไม่ได้ฉีดลงทะเบียนตัดสินใจเข้ามาฉีดกัน ส่วนการฉีดวัคซีนในเด็กนักเรียนอายุ 12-17 ปี ฉีดเข็ม 1 แล้ว 419,222 คน คิดเป็น 9.3% จะมีความก้าวหน้ารายงานต่อเนื่องเรื่อยๆ

นพ.เฉวตสรร กล่าวอีกว่า ประเทศไทยให้ความสำคัญเรื่องการเปิดประเทศเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เหมือนประเทศเพื่อนบ้าน โดยพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวมีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ในประชากรทั่วไป ครอบคลุม 69.5% ซึ่งพื้นที่พร้อมรับนักท่องเที่ยวจะต้องมีการฉีดวัคซีนในประชากรของเราเปอร์เซ็นต์ที่สูงเพื่อความปลอดภัย ตอนนี้สูงสุดคือ กทม. และภูเก็ต จากนั้นเป็นชลบุรี

ส่วน 4 จังหวัดชายแดนใต้ ฉีดเข็มแรก 41.9% การติดเชื้อยังเป็นขาขึ้น หวังว่าเมื่อวัคซีนครอบคลุมกว้างขวางร่วมมาตรการอื่น ได้แก่ การป้องกันสูงสุด สถานที่ปลอดโควิด (COVID Free Setting) และกิจกรรมต่างๆ ที่รวมกลุ่มคนที่เจอคลัสเตอร์ ต้องมีแนวทางป้องกันอย่างดี การติดเชื้อจะลดลง ทั้งนี้ ภาพรวมสถานการณ์ประเทศไทยมีแนวโน้มไม่ได้ลดลงต่อเนื่อง ยังคงที่คงตัวหลายวัน เน้นย้ำว่ามาตรการส่วนบุคคล มาตรการชุมชน ทุกฝ่ายต้องร่วมด้วยช่วยกัน ให้ทิศทางโรคนี้ลดลง

ส่วนที่มีประเด็นสื่อสารทางโซเชียลมีเดียและมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในวัคซีนโควิดหลายเรื่อง เช่น วัคซีน mRNA หรือของไฟเซอร์ มีสารกัมมันตภาพรังสีหรือสารโลหะอะลูมินัมปนเปื้อน ยืนยันว่าส่วนประกอบของวัคซีนไม่มีสารเหล่านี้เลย ส่วนประกอบของวัคซีนมีการจดแจ้งไว้อย่างชัดเจน และวัคซีนมีการใช้งานในประเทศทางตะวันตก ยุโรป อเมริกาอย่างกว้างขวาง

วัคซีนทุกล็อตที่เข้ามาทุกประเทศมีกลไกการทำงานเหมือนกัน เพราะแม้จะผลิตอย่างดีมีมาตรฐานก็จริง แต่ละล็อตก็ต้องมีการตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจเรื่องความปลอดภัยและคุณภาพวัคซีน ซึ่งวัคซีนมาถึงเราไม่ได้แจกจ่ายทันที แต่ตรวจคุณภาพแต่ละล็อตว่าอยู่ในมาตรฐานดีหรือไม่ ตั้งแต่กายภาพ มีอะไรปลอมปนหรือไม่ อย่างญี่ปุ่นเจอการปลอมปนในวัคซีนก็ส่งคืนล็อตวัคซีน ถือเป็นมาตรฐาน

“เมื่อไรที่ตรวจเจอความผิดปกติ จะระงับเอาไว้ก่อนและตรวจสอบ หากตรวจสอบพบความผิดปกติอาจต้องทำลายทิ้งทั้งล็อต เรียกว่าเอาความปลอดภัยของประชาชนเป็นมาตรฐาน และทำมาตรฐานเดียวกับสากล มีความเข้มงวดอย่างดี ส่วนที่กล่าวอ้างว่ามีนาโนพาร์ทิเคิลหรืออนุภาคที่เป็นอันตราย ขอเรียนว่า วัคซีน mRNA มีการใช้ลิปิดนาโนพาร์ทิเคิล เป็นเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาซึ่งไม่ได้ใช้แค่ในวัคซีน แต่ยังใช้ในยา โดยนำตัวยาเข้าร่างกายเพื่อออกฤทธิ์รักษาบางโรค มีการใช้มาก่อนหน้านี้แล้ว ได้รับอนุญาตในสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ก็มั่นใจในเรื่องความปลอดภัย ว่าลิปิดนาโนพาร์ทิเคิลเป็นส่วนประกอบที่มีจริง แต่ปลอดภัย สามารถมั่นใจได้ มีการตรวจสอบพิสูจน์ก่อนได้รับอนุญาต

นพ.เฉวตสรร กล่าวอีกว่า ส่วนที่บอกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีน mRNA มีอาการหนักมากกว่าผู้ที่ไม่ฉีดก็ไม่จริง เพราะผลการศึกษาประสิทธิภาพวัคซีนชัดเจนมากในการป้องกันเสียชีวิต ซึ่งกลุ่มที่รับวัคซีนหลอกมีการเสียชีวิตสูง ขณะที่กลุ่มฉีดวัคซีนจริงเสียชีวิตน้อยกว่ามากๆ เรื่องมีอาการหนักก็เช่นกัน เรียกว่าประสิทธิภาพวัคซีนที่เราทราบกันว่า 95% ก็เป็นผลจากการศึกษานี้ และการศึกษาในกลุ่มสูงอายุที่มีโอกาสตอบสนองภูมิคุ้มกันด้อยกว่าวัยอื่นๆ ประสิทธิภาพก็อยู่ในระดับ 94% ใกล้เคียงกัน

“อยากย้ำสร้างความมั่นใจว่า การจะรับรองวัคซีนมีที่มาที่ไป วัคซีนที่นำมาฉีดในไทยมีการฉีดในต่างประเทศมาจำนวนมากแล้ว เมื่อนำมาฉีดในประเทศ บุคลากรทางการแพทย์ทุกกลุ่มมีการฉีดเช่นกัน และย้ำที่อ้างว่าบังคับบุคลากรทางการแพทย์ฉีดก็ไม่จริง เพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคลในการตัดสินใจ สามารถฏิเสธได้ เหมือนที่สอบถามผู้ปกครองนักเรียน เราไม่ได้มีตัวเลือกอันเดียวไปบังคับ มีตัวเลือกรับหรือไม่รับวัคซีน เป็นการแสดงความจำนง ภาคราชการเรารณรงค์เชิญชวนด้วยเหตุผลทางวิชาการ แต่สุดท้ายขึ้นกับการตัดสินใจของแต่ละบุคคล ซึ่งหลายกรณีเราพบการป่วยหนักและเสียชีวิต เขาบอกตัดสินใจที่จะรอไม่ฉีดวัคซีน แสดงว่าเราไม่ได้บังคับ เป็นสิทธิของแต่ละบุ