ขอบคุณข้อมูลจาก | ข่าวสดออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
วันที่ 29 ก.ย. ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ประธานาธิบดีคาอิส ไซเอ็ด (Kais Saied) ผู้นำตูนิเซีย ประเทศในทวีปแอฟริกาเหนือ แต่งตั้งนัจลา บูเด็น รอมฎอน (Najla Bouden Romdhan) เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกทั้งในประเทศและโลกอาหรับ
สำนักประธานาธิบดีตูนิเซียเผยแพร่วิดีโอนายไซเอ็ดขณะพบกับนายกรัฐมนตรีหญิงคนใหม่ ระบุว่า “นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของตูนิเซียที่ผู้หญิงเป็นผู้นำรัฐบาล เป็นเกียรติยศต่อตูนิเซียและผู้หญิงชาวตูนิเซีย”
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น 2 เดือน หลังประธานาธิบดีปลดฟ้าผ่านายฮิเชม เมชีชี นายกรัฐมนตรีคนก่อน เมื่อเดือนก.ค. หลังล้มเหลวในการรับมือการระบาดใหญ่ของโควิด-19 จากนั้น ยึดอำนาจฝ่ายบริหารในวงกว้าง และระงับการทำหน้าที่ของรัฐสภาชั่วคราวที่นำโดยพรรคการเมืองสายกลางอย่าง อิสลามิสต์ เอนนาห์ดา (Islamist Ennahda) ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่ฝ่ายศัตรูของระบุเป็นการทำ “รัฐประหาร”
และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีไซเอ็ดเพิกเฉยรัฐธรรมนูญ กล่าวว่าสามารถปกครองประเทศด้วยกฤษฎีกา (decree) และควบคุมรัฐบาลด้วยตัวเองในช่วงการประกาศฉุกเฉินที่ยังไม่มีกำหนดว่าจะสิ้นสุดเมื่อไร
ทั้งนี้ รอนฎอน อายุ 63 ปี เคยเป็นรัฐมนตรีอุดมศึกษาในปี 2556 จะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในยามวิกฤตของประเทศ ซึ่งกลายเป็นประชาธิปไตยหลังได้รับชัยชนะจากการปฏิบัติเมื่อปี 2554 นั้น ที่มีความเคลือบแคลงสงสัย และเป็นภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวงต่อการเงินสาธารณะ แม้จะมีคำถามว่านายกรัฐมนตรีหญิงคนใหม่จะมีอำนาจมากน้อยเพียงใด
ตูนิเซียเผชิญวิกฤตในการเงินสาธารณะที่ลุกลามอย่างรวดเร็ว หลังเศรษฐกิจซบเซาหลายปีเนื่องจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 และการต่อสู้ทางการเมือง ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลตูนิเซียเผชิญความกดดัน และค่าประกันต่อการผิดนัดชำระหนี้ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
อย่างไรก็ตาม หลังประธานาธิบดีไซเอ็ดประกาศเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า รัฐบาลจะตอบสนองต่อประธานาธิบดี และสามารถเลือกหรือไล่สมาชิกคณะรัฐมนตรีออกจากตำแหน่งได้ โดยบทบาทของนายกรัฐมนตรีจะมีความสำคัญน้อยกว่าในการบริหารก่อนหน้านี้
ส่วนสถานการณ์โควิด-19 มีผู้ติดเชื้อพุ่งสูง และความไม่พอใจมากขึ้นต่อสภาพการเมืองที่มีความผิดปกติเรื้อรังและเศรษฐกิจง่อนแง่น จนประชาชนหลายร้อยคนลงถนนในกรุงตูนิสเมื่อสัปดาห์ก่อนเพื่อประท้วงการยึดอำนาจของประธานาธิบดีไซเอ็ด
ขณะที่ประธานาธิบดีไซเอ็ดกล่าวระหว่างการพบนายกรัฐมนตรีหญิงคนใหม่ว่า “เราจะดำเนินการยุติคอร์รัปชั่นและความวุ่นวายที่ครอบงำสถาบันต่างๆ ของประเทศ เราเสียเวลามามากแล้ว”