‘ณัฐวุฒิ’ ชี้คาร์ม็อบ 19 ก.ย. ยกลุงนวมทอง เป็นไอดอล เตือน ‘ทะลุแก๊ซ’ จับตาประกาศจนท.

‘ณัฐวุฒิ’ ชี้คาร์ม็อบ 19 ก.ย. ยกลุงนวมทอง เป็นไอดอล เตือนม็อบทะลุแก๊ซ จับตาประกาศเจ้าหน้าที่

วันที่ 17 ก.ย.64 เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ศูนย์ข่าว UDD news ชั้นใต้ดิน อาคารเอเวอรี่มอลล์ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มเครือข่ายไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.) แถลงข่าวการจัดกิจกรรม “คาร์ม็อบ 19 กันยา ขับรถยนต์ชนรถถัง” เพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง มีข้อความสำคัญ ดังนี้

นายณัฐวุฒิ แถลงว่า วัตถุประสงค์การจัดกิจกรรมไม่ได้มีเป้าหมายเพียงแค่รำลึกถึงการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย.49 เท่านั้น แต่เราต้องการที่จะเน้นย้ำให้เห็นถึงสาระสำคัญว่าการรัฐประหาร 19 ก.ย.49 จนถึงการรัฐประหาร 22 พ.ค.57 และการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลปัจจุบันเป็นเรื่องเดียวกันคิดแยกส่วนไม่ได้ เพราะการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19ก.ย.49 เกิดขึ้นจากขบวนการอำนาจนอกระบบที่ต้องการโค่นล้มรัฐบาลเลือกตั้งและตีกรอบอำนาจอธิปไตยของประชาชนให้เป็นไปตามที่พวกเขาต้องการ

การทำรัฐประหารเป็นการทำซ้ำซากแบบเดียวกันทั้ง 2 ครั้ง เริ่มต้นโดยมีกลุ่มประชาชนชุมนุมขับไล่รัฐบาล รัฐบาลเวลานั้นประกาศยุบสภาพรรคประชาธิปัตย์แกนนำฝ่ายค้านบอยคอตไม่ลงสมัครเลือกตั้งมีขบวนการขัดขวางการเลือกตั้งการลงคะแนนจนในที่สุดการเลือกตั้งทั้ง 2 ครั้ง ถูกยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญและมีคำวินิจฉัยให้เป็นโมฆะมีข้อเรียกร้องนอกรัฐธรรมนูญนำประเทศเข้าสู่ทางตันทางการเมือง ปี 2549 ผู้ชุมนุมเรียกร้องนายกรัฐมนตรีพระราชทาน อ้างรัฐธรรมนูญมาตรา 7 ปี 2557 เรียกร้องนายกรัฐมนตรีคนกลางโดยเสนอชื่อของประธานวุฒิสภา ซึ่งไม่สามารถปฏิบัติได้ตามรัฐธรรมนูญที่บังคับใช้อยู่ทั้ง 2 เหตุการณ์

เมื่อจงใจต้อนประเทศเข้าสู่ทางตันก็เป็นการเปิดโอกาสให้กับอำนาจนอกระบบทำรัฐประหารสังคมไทยตกอยู่ภายใต้บทละครอัปยศนี้ 15 ปี ไม่มีความแตกต่างเรื่องวิธีการแตกต่างเพียงตัวละครที่ลงมือปฏิบัติเท่านั้น รัฐประหารปี 2549 ให้กำเนิดรัฐประหารปี 2557 โดยรัฐประหารปี 2557 เป็นการทำซ้ำทำหนักกว่าเดิมทำเพื่อไม่ให้รัฐประหารปี 2549 เสียของอย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ และคณะกล่าวอ้าง

กิจกรรมในครั้งนี้ไม่ได้เพียงแค่การแสดงพลังต่อต้านรัฐประหารเท่านั้นแต่ยังเป็นการแสดงให้ประชาชนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยตลอด 15 ปี ทั้งคนที่บาดเจ็บ สูญเสีย ถูกจับกุม ถูกไล่ล่า อุ้มหาย ได้รับทราบว่ายังมีพลังของฝ่ายประชาธิปไตยยังคงต่อสู้อยู่ และยังคงมุ่งมั่นที่จะนำพาประเทศกลับคืนสู่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริงแม้ว่าจะเป็นความยากลำบากและเต็มไปด้วยอุปสรรคอันตราย เราจะเน้นในเรื่องนี้ทั้งก่อนวันงานและในวันจัดกิจกรรมผ่านเวทีออนไลน์ เวทีออนไลน์ครั้งนี้จะมีเหมือนครั้งที่ผ่านๆ มา เราได้เชิญวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ที่มีบทบาทในการต่อสู้ในช่วงเวลา 15 ปี ที่ผ่านมา มาร่วมพูดคุยสนทนาในเวทีออนไลน์หลายท่าน จะเป็นใครให้ติดตามจากเพจและทวิตเตอร์ของตนซึ่งจะแจ้งให้ทราบต่อไปในวันพรุ่งนี้

เราจะพร้อมกันที่บริเวณแยกอโศก กทม.ในวันที่ 19 ก.ย.64 เวลา 14.00 น.หัวขบวนจะมุ่งหน้าถนนพระราม 4 ท้ายขบวนต่อเนื่องกันมาตามปริมาณรถที่เข้าร่วมมาทางซอยอโศก เคลื่อนขบวนในเวลา 15.00 น.ทั้งขบวนจะมีธงสัญลักษณ์ร่วมกันสกรีนข้อความติดแฮชแท็กไล่ประยุทธ์ซึ่งเป็นเป้าหมายร่วมกันของประชาชนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย จะมีทั้งขบวนรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และมีรถแท็กซี่ที่รักประชาธิปไตยเข้าร่วมด้วย เพื่อรำลึกถึงวีรกรรมของนายนวมทอง ไพรวัลย์ ลุงผู้ที่ขับรถแท็กซี่พุ่งชนรถถังของคณะรัฐประหารเมื่อปี 2549

ลุงนวมทองฯ คือจิตวิญญาณผู้เริ่มต้นต่อสู้ด้วยรถยนต์คาร์ม็อบที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในสังคมไทย เราจะมีการแสดงสัญลักษณ์ขับรถยนต์ชนรถถังในวันดังกล่าวด้วย เพื่อประกาศการต่อต้านเผด็จการและคารวะความวีระอาจหาญของลุงนวมทองฯ ไปในคราวเดียวกัน เราจะตรงจากแยกอโศกมุ่งหน้าไปแยกพระราม 4 เลี้ยวขวาแยกคลองเตย มุ่งหน้าไปทาง ถ.สาทรเหนือ ผ่าน ถ.นราธิวาส ถ.พระราม 3 ไปขึ้นสะพานกรุงเทพ มุ่งตรง ถ.รัชดาภิเษก เข้า ถ.จรัญสนิทวงศ์ เลี้ยวไปขึ้นสะพานพระปิ่นเกล้า จุดหมายอยู่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยโดยจะมีการแสดงเชิงสัญลักษณ์ที่จุดนี้เพื่อให้โลกให้ได้เห็นว่าประชาธิปไตยในประเทศนี้ถูกคลุมถุงดำมาแล้วเป็นเวลา 15 ปี และยุติกิจกรรมตรงนั้นภายในเวลาประมาณ 18.00 น. เหมือนทุกครั้งที่จัดกิจกรรมกันมา จะไม่มีการขับเคลื่อนนอกเส้นทางไปจากนี้ ไม่มีกิจกรรมนอกเหนือจาก

ที่กล่าวมา ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไม่มีเวทีปราศรัย รถทุกคันเมื่อมาถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก็เป็นอันยุติกิจกรรมแยกย้ายเดินทางกลับด้วยความสงบเหมือนที่ปฏิบัติกันมา มั่นใจว่าการจัดกิจกรรมดังกล่าวจะได้รับการตอบรับจากประชาชนจำนวนมากทั้งที่เข้าร่วมขบวนและที่อยู่สองข้างทาง ทุกอย่างจะเริ่มต้นและจบลงตามกรอบเวลาอยู่ในเส้นทางไม่มีเหตุกระทบกระทั่งหรือเผชิญหน้าใดๆ เราเลือกเส้นทางนี้เพื่อหลีกเลี่ยงพื้นที่เปราะบาง พื้นที่เงื่อนไขทั้งหลาย ไม่ให้มีการเผชิญหน้าใดๆ กับทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ ในส่วนของผู้เข้าร่วมกิจกรรมทราบว่ามีการตอบรับเข้ามาหลายกลุ่ม วันนี้นายสมบัติ บุญงามอนงค์ มีนัดหมายฉีดวัคซีนเลยไม่ได้มาร่วมแถลงข่าวด้วยแต่ในวันดังกล่าวก็จะร่วมขบวนไปด้วยกัน

เน้นย้ำถึงผู้มีอำนาจว่าเราจะขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ เราไม่ได้ประกาศเป็นศัตรูกับรัฐไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือหน่วยงานใดๆ เราหวังว่าจะได้รับการอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่รัฐทุกหน่วยงานเป็นอย่างดี ในส่วนของสถานการณ์อื่นๆ ที่แวดล้อมเกี่ยวข้อง เช่น บรรยากาศการขัดแย้งภายในของรัฐบาลหรือการคาดการณ์อายุของรัฐบาลหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถ้ามีพื้นที่ในการแสดงความคิดเห็นก็อาจจะพูดคุยในขบวนหรือพูดคุยกันในวาระอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ เราจะติดตามความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดต่อไปหลัง 19 ก.ย.64 จะมีการเคลื่อนไหวในรูปแบบคาร์ม็อบหรือรูปแบบอื่นใดอีกหรือไม่โปรดติดตามต่อไปเราจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า แม้ที่ผ่านมา ตนจะมีคดีความแต่ก็พร้อมต่อสู้ตามขั้นตอนกฎหมายไม่หลบหนี ทั้งนี้ อยากให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติอย่างรอบคอบ ไม่ใช้กฎหมายกลั่นแกล้ง ไม่ใช่เห็นใครเข้าใกล้ผู้จัดงานก็หาชื่อไปออกหมายเรียก ไม่ใช่พฤติกรรมสร้างสรรค์ นอกจากนี้ ตนยังห่วงใยสถานการณ์การชุมนุมที่แยกดินแดง เพราะกังวลว่าอาจมีสัญญาณบางอย่างจากรัฐ ซึ่งความรุนแรงนั้นไม่อาจทำให้สังคมไทยออกจากความขัดแย้งได้ การควบคุมฝูงชนยังรวมถึงการเจรจาด้วย ตนไม่อาจชี้นำการชุมนุมที่แยกดินแดงได้ แต่ก็ขอให้ผู้ชุมนุมประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ ดูผลกระทบและความรู้สึกของชุมชนใกล้เคียง ขอให้คำนึงถึงความปลอดภัยตัวเอง

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่ออีกว่า เมื่อวานนี้ครบรอบ 1 เดือน ที่วัยรุ่นอายุ 15 ปี ถูกกระสุนยิงจนโคม่าบริเวณแยกดินแดง แต่จากการสอบถาม เรื่องคดีก็ยังไม่คืบหน้า ฝ่ายครอบครัวได้รับแจ้งเพียงว่ากำลังดำเนินการ ทั้งที่จุดเกิดเหตุก็อยู่ใกล้ สน.ดินแดง ซึ่งก็มีกระแสข่าวว่าเหตุที่เกิดขึ้นนั้นเกี่ยวข้องกับคนในโรงพักหรือไม่ ตนไม่ได้กล่าวหาเจ้าหน้าที่ แต่ฝั่งครอบครัวเหยื่อเอง ก็ไม่ทราบว่าจะเรียกร้องความเป็นธรรมจากไหน ขอเรียกร้องผู้มีอำนาจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้ามาดูแล อยากเรียกร้องให้โอนคดีไปที่ยังกองบังคับการปราบปราม