‘ททท.’ เลื่อนเปิด ‘กทม.’ รับนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็น 15 ต.ค.นี้ ย้ำไม่ต้องกักตัวในห้องพัก

‘ททท.’ เลื่อนเปิด ‘กทม.’ รับนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็น 15 ต.ค.นี้ ย้ำไม่ต้องกักตัวในห้องพัก

วันที่ 16 กันยายน นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า แผนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตามนโยบายเปิดประเทศใน 120 วันของนายกรัฐมนตรี ได้เดินหน้าแผนระยะที่ 1 สำเร็จแล้ว คือ การทดลองเปิดพื้นที่นำร่องในรูปแบบแซนด์บ็อกซ์ ได้แก่ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ เขาหลัก จังหวัดพังงา เกาะพีพี เกาะไหง ไร่เลย์ จังหวัดกระบี่ รวมถึงเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ส่วนแผนระยะที่ 2 นั้น ยังยืนยันเดินหน้าตามแผนที่วางไว้ แม้เดิมจะเปิดเพิ่มทั้งหมด 5 จังหวัดในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ แต่จากความพร้อมในด้านการฉีดวัคซีนให้คนในพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 70% เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้น พบว่ามี 4 จังหวัดที่พร้อมเปิดตามแผน ได้แก่ จังหวัดชลบุรี (พัทยา อ.บางละมุง อ.สัตหีบ) เชียงใหม่ (อ.เมือง อ.แม่แตง อ.แม่ริม อ.ดอยเต่า) เพชรบุรี (ชะอำ) และประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน) ส่วนกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้เลื่อนออกไปเปิดรับนักท่องเที่ยวในวันที่ 15 ตุลาคมนี้แทน

เนื่องจากต้องรอฉีดวัคซีนให้คนในพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 70% ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ก่อน เพราะแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในระยะถัดไปนั้น กำหนดว่าทุกพื้นที่ที่เปิดนำร่อง “จะไม่มีการกักตัว” นักท่องเที่ยวในห้องพัก หากตรวจหาเชื้อภายในสนามบินเมื่อถึงประเทศไทยแล้วพบว่าไม่มีเชื้อโควิด-19 ก็สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ทันที เป็นการนำหลักการของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์มาใช้ในพื้นที่ เพื่อเป็นรูปแบบการเปิดประเทศต่อไป

นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ถัดไปจะเป็นระยะที่ 3 จะเริ่มในวันที่ 15 ตุลาคม 2564 จากแผนล่าสุดจะเป็นการเปิดเพิ่มอีก 25 จังหวัด แบ่งเป็นภาคเหนือ ได้แก่ ลำพูน แพร่ น่าน แม่ฮ่องสอน เชียงราย สุโขทัย ภาคอีสาน อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ อุบลราชธานี เลย (เชียงคาน) ขอนแก่น นครราชสีมา ภาคตะวันตก ประกอบด้วย กาญจนบุรี ราชบุรี ภาคตะวันออก ได้แก่ ระยอง จันทบุรี ตราด ภาคกลาง พระนครศรีอยุธยา ภาคใต้ นครศรีธรรมราช ระนอง ตรัง สตูล สงขลา พัทลุง โดยการดำเนินทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้ความพร้อมของ ผู้ว่าราชการจังหวัด สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) หลายคนในพื้นที่เห็นชอบด้วย ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่สำคัญที่สุด

นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนระยะที่ 4 กำหนดในวันที่ 1-15 มกราคม 2565 เปิดพื้นที่จังหวัดติดชายแดนเพื่อนบ้าน ท่องเที่ยวระหว่างกัน ในรูปแบบการจับคู่ท่องเที่ยวระหว่างกัน (แทรเวล บับเบิ้ล) ได้แก่ 1.กัมพูชา เชื่อมกับจังหวัดสุรินทร์ (ช่องจอม) สระแก้ว (อรัญประเทศ) ตราด (เกาะกง) 2.พม่า เชื่อมกับจังหวัดเชียงราย (ท่าขี้เหล็ก) ตาก (แม่สอด) ระนอง (เกาะสอง) 3.ลาว เชื่อมกับจังหวัดนครพนม หนองคาย มุกดาหาร และ 4.มาเลเซีย เชื่อมกับจังหวัดยะลา (เบตง) นราธิวาส (สุไหงโก-ลก) สงขลา (ด่านนอก ปาดังเบซาร์) สตูล (วังประจัน)

“ในพื้นที่ 4 จังหวัดที่กำหนดเปิดในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ จากการประเมินความพร้อมยังยืนยันว่า สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ตามกำหนดแน่นอน ส่วนในพื้นที่ตามแผนระยะที่ 3 และระยะที่ 4 นั้น หากพื้นที่ใดมีความพร้อมสูงสุด ก็จะสนับสนุนการเปิดในพื้นที่นั้นๆ ก่อน เพื่อทยอยฟื้นบรรยากาศในภาคการท่องเที่ยวให้กลับมาเร็วที่สุด ส่วนเงื่อนไขที่นักท่องเที่ยวจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เมื่อเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย โดยเฉพาะการตรวจหาเชื้อโควิดผ่านวิธีอาร์ทีพีซีอาร์ ทั้งหมด 3 ครั้ง จะสามารถลดลงเหลือ 1 ครั้ง ภายในสนามบินเมื่อถึงไทยได้หรือไม่ เพื่อดึงดูดความน่าสนใจในการมาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ททท.ยังจะต้องหารือร่วมกับ ศบศ. ให้พิจารณาว่าสามารถปรับลดลงได้หรือไม่อย่างไร” นายยุทธศักดิ์ กล่าว