‘ไทกร’ แนะอย่าสนใจละครลิง ‘ตู่-ป้อม’ กะหนุงกะหนิง ชวนจับตา 18 ก.ย.-15 พ.ย. เชื่อมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ
เมื่อวันที่ 16 กันยายน ที่สกายวอล์ก สี่แยกปทุมวัน กรุงเทพฯ เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย และคณะไทยไม่ทนสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย นัดหมายชุมนุม “16 กันยา พิพากษาประยุทธ์” พิพากษาโทษให้กับนายกรัฐมนตรีที่ห่วยที่สุดในโลก ตั้งแต่เวลา 15.00 น.

บรรยากาศเวลา 16.59 น. นายไทกร พลสุวรรณ เลขาธิการแนวร่วมอีสานกู้ชาติ กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า สิ่งที่น้องๆ นักศึกษา ม.ราม จัดกิจกรรม “พิพากษาประยุทธ์” แต่ความจริงไม่สามารถจัดการประยุทธ์ได้ เพราะหลบซ่อนในค่ายทหาร เรามาตอกย้ำประชาชนที่อยู่ที่นี่ว่าไม่ไหวแล้วประเทศนี้ที่จะมีนายกรัฐมนตรีที่ขยันนำพาประเทศชาติหายนะมาจนถึงทุกวันนี้ เมื่อไม่ไหวแล้วเราจะทำอย่างไร จึงมารวมตัวเพื่อปรึกษาหารือกัน มีหลายแนวทาง

นายไทกรกล่าวว่า แต่โดยสรุปแล้วการเคลื่อนไหวนั้นมี 2 แนวทางหลักนั่นคือ 1.สันติวิธี และ 2.สันติวิธีแบบตอบโต้ การที่ตำรวจ คฝ.ยิงกระสุนยาง แก๊สน้ำตามา มวลชนอิสระก็ยิงหนังสติ๊กและพลุกลับคืนไป แต่ไม่เท่าเทียม เพราะที่ คฝ.ยิงไปมาจากภาษีประชาชนทั้งนั้น ประยุทธ์ได้รับการไว้วางใจจาก ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล พลังประชารัฐ, ประชาธิปัตย์, ภูมิใจไทย, ชาติไทยพัฒนา ซึ่งมีส่วนรู้ร่วมคิด ยกมือให้หัวหน้าอย่างประยุทธ์ จันทร์โอชา

นายไทกรกล่าวต่อว่า พี่ี่น้องในกรุงเทพฯ ที่ดินจริงๆ ตารางวาเดียวก็ยังไม่มี ต้องถือครองที่ดินกลางอากาศในคอนโดมิเนียมไม่กี่ตารางเมตร นี่คือความล้มเหลว สิ่งที่เราต้องพูดคุยต่อไป เราจะต้องคุยกันให้ได้ฉันทามติของพี่น้องทั้งแผ่นดิน หลักสำคัญที่สุดคือระยะเวลา 7 ปีที่ประยุทธ์ครองอำนาจ ได้สร้างเครือข่ายรองรับอำนาจเผด็จการไว้อย่างมั่นคง ดังนั้น การไล่จะทำด้วยประชาชนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดไม่ได้ หลักปรัชญาของผม ‘ใครที่ไล่ พล.อ.ประยุทธ์ เราทั้งหลายเป็นพี่น้องกัน’ ไม่ว่าคาร์ม็อบ ชุมนุม หรือแม้แต่ทะลุแก๊ซ ก็ต้องสนับสนุน

“อย่าไปสนใจละครลิงที่ประยุทธ์กับประวิตรได้แสดงกัน กอดคอกะหนุงกะหนิง พวกนี้อีกไม่นานก็ทรยศ หักหลังกัน แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นนับแต่ 18 กันยายน-15 พฤศจิกายนเป็นต้นไป ขอให้พี่น้องจับตาดูการเปลี่ยนแปลงสำคัญ ขบวนการที่เราต้องจับตามากที่สุดคือพวกมีปืน ถ้าออกมาแอ๊กชั่น มาแสดงโวหาร โอหัง ไม่ต้องกังวล เพราะหมาเห่า ไม่กัด

“แต่นี่ผิดสังเกต เพราะพวกมีปืนนิ่งมาก เงียบสนิท ก็ไม่รู้ว่าจะมาจัดการประชาชน หรือจัดการประยุทธ์ แต่เราไม่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากปลายกระบอกปืนเผด็จการ เราต้องการให้ประชาชนกำหนดชะตาชีวิตของประชาชนเอง ดังนั้น ในสถานการณ์ข้างหน้าที่จะเกิด ให้ระวังพวกถืออาวุธและเล่นไฟ เราต้องสมัครสมานสามัคคี เพื่อชี้ขาดว่าประเทศไทยจะหลุดพ้นจากเผด็จการหรือไม่ แต่ไม่มีกองทัพใดในโลกเอาชนะประชาชนได้” นายไทกรกล่าว