ม็อบ16กันยา : ชุมนุมแยกปทุมวันไล่รัฐบาล ปราศรัยปมจับนักข่าว ถึงเลือกคนฉลาดแทนคนดี

สกายวอล์กปทุมวันพรึ่บ ขับไล่รัฐบาล ยันไม่ลดเพดาน พล.อ.ประยุทธ์ต้องออกไป เหยื่อดินแดงโดนตร.กระทืบเผยขอให้คิดดี ๆ กับคำสั่งนาย ทุกคนก็มีจิตใจ สอน รบ. อย่าทะนงตน ‘ไพ่ใบเด็ด’ อยู่ที่ปชช.

วันที่ 16 ก.ย.2564 ที่ลานสกายวอ์ลกแยกปทุมวัน เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตยจัดกิจกรรมพิพากษาประยุทธ์ โดยมีกำลังตำรวจสายตรวจ สน.ปทุมวัน และชุดควบคุมฝูงชนหญิง หรือกองร้อยน้ำหวาน กระจายกำลังตรวจตราความสงบเรียบร้อยรอบพื้นที่ ขณะที่ฝั่งผู้จัดกิจกรรม ได้แขวนป้ายผ้าเขียนข้อความต่างๆ รวมถึงหุ่นจำลองศพ ตามรั้วสกายวอล์ก ก่อนแสดงการเล่นดนตรีสด จากนั้นจึงเริ่มปราศรัยในเวลา 15.40 น.

นายอานนท์ แม้นเพชร เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ระบบประชาธิปไตยแบบไทยๆ นั้น ถูกแทรกแซงจากรัฐมาโดยตลอด ซึ่งรัฐธรรมนูญปี 2560 มันปราบโกงจริงหรือไม่ หากเลือกตั้งครั้งต่อไป ส.ว.มีอำนาจเลือกนายกฯ อีก ฝ่ายเผด็จการก็ยังคงอยู่

ส่วนระบบตำรวจ ก็มีการใช้ความรุนแรง ทำทุกอย่างเพื่ออิงกับประโยชน์ของฝ่ายบริหารที่เป็นเผด็จการ ส่วนระบบราชการปัจจุบันนั้นถูกนำมารับใช้ชนชั้นนำ ซึ่งนับแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้ามามีอำนาจบริหารประเทศ เหตุใดไม่ใช้อำนาจนำพาประเทศไปในทางที่ดี มีแต่โกงกินประเทศ กู้มาไม่รู้จะใช้หมดเมื่อไหร่ แต่ประชาชนต้องมาใช้หนี้

“ทางกลุ่มจะไม่ลดเพดาน และข้อเรียกร้องหลัก คือ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องออกไป ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และยกเลิกกฎหมายอาญา ม.112 พร้อมสนับสนุนกลุ่มทะลุแก๊สและกลุ่มอื่นๆ”

ด้านชาย อายุ 21 ปี หนึ่งในผู้ร่วมปราศรัยเผยว่า การชุมนุมที่แยกดินแดงช่วงเย็นวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจควบคุมฝูงชนได้ระดมฉีดน้ำและยิงแก๊สน้ำตา นำกำลังเข้ามาปิดล้อมบริเวณทางคู่ขนานถนนวิภาวดีรังสิต ก่อนไล่ตามกระโดดถีบรถจักรยานยนต์ ซึ่งตนถูกผลักจนล้มระหว่างขี่จักรยานยนต์หนีออกมา แต่เมื่อลุกขึ้น ก็มีตำรวจกระโดดใส่ตนจนล้ม ก่อนจะถูกถอดหมวกกันน็อคแล้วฟาดกระบองใส่ศีรษะ 3-4 ครั้ง ซ้ำยังมีบาดแผลเลือดออกที่มือ แต่กว่าจะได้ทำแผลก็ราว 23.00น. เพราะเจ้าหน้าที่ไม่สนใจให้ตนทำแผลเลย

หลังประกันตัวออกมาก็รักษาตัวเป็นอาทิตย์ แต่จนตอนนี้ยังไม่ได้รับโทรศัพท์มือถือที่ตำรวจยึดไปกลับคืนมา ได้คืนเพียงจักรยานยนต์ ทั้งนี้ขอเปรียบเทียบกรณีการจับกุมผกก.โจ้หรือพ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ที่ถูกรัดสายหลวมๆ แต่ตนเองถูกรัดอย่างแน่นหนา

“ขอให้คิดดีๆ กับคำที่ว่านายสั่งมา เพราะเด็กๆ ที่ท่านทำร้ายก็มีชีวิตจิตใจ”

ทั้งนี้มีคนบางกลุ่มมองว่าวัยรุ่นพวกนี้ไปรวมตัวก่อความรุนแรงที่แยกดินแดง มานานเป็นเดือน ถ้าถามตนการที่เกิดมาจากครอบครัวยากจน หาเช้ากินค่ำ วันรุ่นบางคนไม่ได้เรียน ไม่มีอะไรจะเสีย และมีพ่อแม่หลายคนติดโควิด-19 เสียชีวิต คนเหล่านี้ต้องการให้พล.อ.ประยุทธ์ ออกไป ต้องการให้ครอบครัวกลับมามีชีวิตได้ปกติ ไม่มีใครอยากทำร้ายตำรวจ แต่ตำรวจกลับเอาตัวมาเป็นคู่ขัดแย้ง

“หากต้องการจะหยุดยั้งความรุนแรง ต้องไม่ใช้ความรุนแรงมาข่ม แม้ในฝ่ายประชาธิปไตยกันเอง ก็ด้อยค่าพวกเรา แต่หากลงมาอยู่ในจุดเดียวกันนี้ คงจะเข้าใจว่าเหตุใดเราต้องใช้วิธีนี้”

“ปูน ทะลุฟ้า” สอนรัฐบาล อย่าทะนงตน

เวลา 14.40 น. นายนันทพงศ์ ปานมาศ หรือ กุ๊ก และสมาชิกเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย ทำการขึงป้ายไวนิลที่สกรีนใบหน้า พล. อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมข้อความ  “16 กันยา พิพากษาประยุทธ์” สำหรับวันนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมาก รวมทั้งตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) เพศหญิง ยืนประจำการรอบบริเวณ มีการขอตรวจกระเป๋าของผู้ร่วมชุมนุมทุกราย

เวลา 14.46 น. นักกิจกรรมนำหุ่นศพจำลอง ที่เขียนข้อความ “ส.ว.250” พร้อมป้ายข้อความชื่องาน “16 กันยา พิพากษาประยุทธ์” ห้อยลงจากสกายวอล์ก หันหน้าไปทางห้างสรรสินค้า MBK โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าเจรจา

เวลา 16.08 น. ทีมงาน Child in mob จากแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนลประเทศไทย ลงพื้นที่ติดแท็กข้อมือ
เพื่อระบุตัวตนเยาวชนที่มาร่วมชุมนุม ระหว่างนี้ ผู้ชุมนุมบางส่วน ร่วมเขียนข้อความบนป้ายผ้า อาทิ “แก้ไขรัฐธรรมนูญขนาดไหน แต่ถ้ามี ส.ว.อยู่ก็ไร้ประโยชน์” “รัฐบาลฆาตกร”

ต่อมา เวลา 16.23 น. นายธนพัฒน์ กาเพ็ง หรือ ปูน ทะลุฟ้า กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งถึงนักกิจกรรมที่ติดคุกเพราะออกมาเรียกร้อง ตราบใดที่ประชาชนยังสู้ ก็ยังไม่แพ้ ไม่มีอะไรมาครอบงำได้

กลุ่มทะลุฟ้าของเรา ยังคงพร้อมเดินหน้าไปกับพ่อแม่พี่น้องในการขับไล่ประยุทธ์ แก้ไขรัฐธรรมนูญ และปฏิรูปสถาบันฯ เราเชื่อในสิทธิเสรีภาพของเรา และข้อเท็จจริงที่จะพูดได้ วันหนึ่งประชาชนจะเป็นคนตัดสินด้วยตัวของประชาชนเอง ว่าคดีที่เกี่ยวกับการชุมนุม การเรียกร้องประชาธิปไตย ประชาชนเท่านั้นที่จะเป็นคนกำหนดเส้นทางของประเทศนี้ มันไม่เกี่ยวกับจำนวนของคน แต่อยู่ที่จำนวนของใจ และเราพร้อมจะบอกว่า เราจะสู้จนกว่าจะชนะ

หมากเกมนี้เพิ่งเริ่ม รัฐบาลอย่าทะนงตน ว่าถือไพ่เหนือกว่า เพราะไพ่ใบเด็ดจะอยู่ที่ประชาชนแน่นอน” นายธนพัฒน์กล่าว

นายธนพัฒน์กล่าวต่อว่า หลายท่านอาจเหน็ดเหนื่อย มองว่าการต่อสู้อีกยาวไกล แต่ไม่มีวันท้อแท้ ประยุทธ์จะได้เหี่ยวแห้งตายคาเก้าอี้ เราจะเห็นว่า มีคนหนุนหลังประยุทธ์อยู่มากมาย ไม่ว่า ส.ว. หรือ นายทุน ซึ่งวันหนึ่งถ้าประชาชนชนะ ก็จะกลับมาพิพากษา

“อยากเรียนบอกนายทุนว่า โปรดเห็นเตียงพยาบาลประชาชน สำคัญกว่าเก่าอี้นายก กระบวนการยุติธรรมต้องใช้หลักนิติรัฐในการตัดสิน ประชาชนควรจะมีสิทธิต่อสู้คดี ตราบใดไม่มีคำพิพากษาว่าผิด เขาคือผู้บริสุทธิ์”

จากนั้น นายธนพัฒน์ กล่าวบทกวีที่ นายอานนท์ นำภา ทนายความเพื่อมนุษยชน เป็นผู้แต่ง เนื้อหายืนยันในหลักการของกระบวนการยุติธรรมที่ต้องเป็นหลักให้กับประชาชน

“สุดท้าย ประชาชนจะเป็นคนกำหนดประวัติศาสตร์ ด้วยประชาชนเอง วันนี้เพื่อนเรายังอยู่ในเรือนจำ โปรดจำไว้ว่า คนที่เปิดทางสว่าง คือ อานนท์ นำภา, พริษฐ์ ชิวารักษ์ และ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา โปรดฝังชื่อเขาไว้ในใจพวกท่าน สักวันหนึ่งเราจะกอดคอกันไปสู่ชัยชนะ ไม่ต้องห่วงปูนว่าโดนถอนประกัน หรือหมายเรียก หมายจับ เพราะปูนเชื่อว่า การออกมาชุมนุมเรียกร้องสามารถทำได้ในประเทศของเรา ต้องไม่มีประชาชนคนไหนโดนคุกคามจากภาครัฐเด็ดขาด สู้ในประเทศ ไม่ได้ผิดเงื่อนไขศาล

สุดท้ายก็ทำร้ายประชาชนได้แค่นี้ ในวันที่เราพาเพื่อนร่วมชาติจับมือไปสู่ความสำเร็จได้ จะไม่มีการทิ้งใครไว้ข้างหลังแน่นอน สิ่งสำคัญคือ อุดมการณ์ในใจ ยึดมั่นไว้เถิดว่า เราทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ดังนั้น อย่าไปกลัว  อำนาจใดใด ไม่มีทางปิดปาก ปิดตาประชาชนได้

‘คุกอาจขังดวงดาวได้ แต่ไม่สามาถขังแสงดาวได้’ จงยืนหยัดท้ายทาย ลั่นกลองรบ เราจะสู้จนกว่าชนะ จะจับมือเดินหน้า ขอให้สู้ด้วยแนวทางประชาธิปไตยต่อไป

“ฝากติดตามว่าเราจะรวมพลที่ไหน และติดตามสถานการณ์บ้านเมือง ให้รัฐรู้ว่า ทุกวันนี้ประชาชนไม่หยุดสู้ แม้จะไม่ได้วัคซีนที่ดี ขอให้ติดตามสถานการณ์ของเพื่อนอย่างใกล้ชิด เรียกร้อง 3 ข้อ ก็เรียกร้องให้ปล่อยเพื่อนเราไปด้วยได้ ขอให้คำสัญญา ตราบใดที่ยังสู้ จะไม่ทิ้งกัน” นายธนพัฒน์กล่าว

ต่อมา เวลา 16.40 น. นายเมธา มาสขาว เลขาธิการ เลขาธิการ คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า เราโดนกันคนละ 3-4 คดี วันหนึ่งนี้ (17 ก.ย.) อัยการจะพิจารณาว่า จะสั่งฟ้องหรือไม่ จำนวน 25 คน ตนเชื่อว่ากระบวนการยุติธรรมคงจะทำงาน และไม่สั่งฟ้อง เพราะมองว่าเป็นคดีทางการเมือง

“เครือข่ายราม วันนี้จัดเวที อยากอภิปรายให้รับทราบว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนั้น เพราะกระบวนการยุติธรรมผิดปกติ องค์การอิสระทั้งหลายที่รัฐบาลมีอำนาจแทรกแซง ไม่ทำงานตามบทบาทหน้าที่ ไม่ตรวจความฉ้อฉลของการใช้อำนาจ จึงต้องออกมาแสดงพลังเอง พิพากษาประยุทธ์ จันทร์โอชา

ประยุทธ์แทบจะเป็น พล.อ.อาวุโส ไม่ต่างจากพม่า มิน อ่อง ลาย ยึดอำนาจการปกครอง จนประกาศสงครามประชาชน ไม่อยากให้คล้ายประเทศเพื่อนบ้าน ที่คนไทยต้องออกมารบราฆ่าฟันอีกครั้ง แต่กระนั้น ชนชั้นนำไม่เคยตระหนักถึงการประนีประนอมหรือ จึงเกิดเหตุการณ์นองเลือด ตุลาคม 19, และพฤษภาคม 53”
นายเมธากล่าว และว่า

การคอร์รัปชั่น คือที่มาของสถานการณ์ทุกวันนี้ เขียนรัฐธรรมนูญ มี ส.ว. คอยค้ำยันอำนาจ เผด็จการใช้อำนาจในสภา ควบคุมการเมือง พรรคร่วมรัฐบาล ไม่เรียกรู้ประวัติศาสตร์การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ที่ล้วนผลักดันให้ผู้ใช้อำนาจโดยไม่ชอบ มีจุดจบที่ไม่สวย ยิ่งใช้อำนาจมากเท่าไหร่ ความฉ้อฉลยิ่งปรากฏมาก และจะถูกพิพากษาในอนาคต

คาใจปมจับนักข่าวพลเมือง ถึงชัยชนะหลังร่างพรบ.ป้องกันอุ้มหายผ่านวาระแรก

เวลา 18.10 น. นายณวรรษ เลี้ยงวัฒนา หรือ แอม จากแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้กล่าวปราศรัยว่าพื้นที่แห่งนี้มีความหมายกับพวกตน และนักศึกษาที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้ในปี2556 มีนักศึกษาออกมาเรียกร้องที่หน้าหอศิลป์ จนทุกวันนี้คณะรัฐประหาร คสช. ก็ยังไม่ออกไป แต่ประยุทธ์ จันทร์โอชายังอยู่ ถึงแม้พวกเราจะออกมาเรียกร้องกันใช้เวลามา 7-8 ปีแล้วก็ตาม แต่วันนี้สิ่งหนึ่งที่ถือว่าเป็นชัยชนะ แม้จะเป็นก้าวเล็กๆก็ตามของพวกเรา คือการที่วันนี้ในสภามีการผ่านร่างพรบ.การถูกอุ้มหายและการซ้อมทรมาน ถือเป็นเรื่องสำคัญมากเพราะหลายๆคนก็รู้ว่าเมื่อ 1-2 ปีที่แล้วนักกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ออกมาเรียกร้องและถูกอุ้มหายอย่าง ต้าร์ วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์

“วันนั้นเพื่อนของผมเองอย่าง รุ้ง ปนัสยา ก็ออกมาเรียกร้อง ณ ที่แห่งนี้ การออกมาเรียกร้องของนักศึกษาไม่เคยคิดที่จะทำร้ายใครหรือใช้ความรุนแรงกับใคร วันนี้เราออกมามีเพียงแค่มือ มีเพียงแค่ไมค์และเสียงเรียกร้องของประชาชน แต่พวกศักดินาไทยไม่เคยเห็นหัวพวกเราเลย ไม่เคยฟังเสียงของพวกเราเลย บางครั้งการที่เราออกมาเรียกร้อง เรารู้ว่ามัน อาจจะท้อแท้ มันอาจจะสิ้นหวัง ขอให้ทุกคนจงรู้ไว้นะครับว่า ไม่ว่าเราจะออกมาเรียกร้องอีกกี่ร้อยกี่พันครั้ง เราจะชนะเพราะเวลาอยู่ข้างเราเสมอ

อีกเรื่องหนึ่ง พวกเราไม่เคยคิดและคาดฝันว่าวันหนึ่งทุกคนจะลุกขึ้นมาต่อสู้กับอำนาจมืด อำนาจที่กัดกินประเทศ สามารถอุ้มใครไปก็ได้หรือทำให้ใครหายไปก็ได้ แต่อย่าลืมนะครับว่าการลบไม่ได้ช่วยให้ลืม คุณจะลบคนไปอีกกี่ร้อยกี่พันคน คนจะไม่ลืมชื่อของพริษฐ์ ชิวารักษ์, จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา, อานนท์ นำภา เพราะเขารู้ว่าคนเหล่านี้แหละที่ต่อสู้เพียงเพราะให้ประชาชนมีพื้นที่ในสังคมไทย และเพียงเพื่อจะบอกว่าการปกครองในประเทศไทยควรเป็นประชาธิปไตยย่างสมบูรณ์ ไม่ควรมีอำนาจใดมากดขี่ประชาชนได้

นายณวรรษ เลี้ยงวัฒนา หรือ แอม

“วันนี้ด้วยธีมงานคือการพิพากษาประยุทธ์แต่เราพิพากษาประยุทธ์ตั้งแต่วันแรกที่เราออกมาแล้ว ว่าประยุทธ์ไม่ควรอยู่ในประเทศนี้ และประยุทธ์ไม่ควรเป็นนายกของประเทศนี้ ไม่ว่าศักดินาจะใหญ่มาจากไหน ก็ไม่มีทางยิ่งใหญ่ไปกว่าราษฎรไม่ว่าคุณจะเป็นเผด็จการที่ไหน แต่เราขอยืนยันข้อเรียกร้องของเรา 3 ข้อ ขอให้ทางสภา ทางคณะรัฐบาลลงมาฟังเสียงของพวกเรา นำเสียงของเราไปพิจารณาในสภา ให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกคนที่ 29 ของไทย พ้นสภาพเสียตั้งแต่วันนี้ดีกว่า อย่างที่บอกว่าข้อเรียกร้องของราษฎรถ้าทางสภาไม่สานต่อมันน่าเสียใจเป็นอย่างมากที่พวกเราออกมาเรียกร้องแล้วผู้มีอำนาจไม่เคยเห็นหัวของประชาชนเลย” นายณวรรษกล่าว

จากนั้น เวลา 18.23 น. นายกฤษณะ ไก่แก้ว เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย กล่าวปราศรัยในตอนหนึ่งว่า การเกิดขึ้นของมวลชนที่ดินแดง เกิดจาก ม็อบปกติไม่ได้รับการตอบสนองจากรัฐ มวลชนที่ดินแดงจึงเกิดขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เมื่อรัฐไม่ยอมรับฟังประขาชน ก็จะเจอกับมวลชนที่ดินแดง แต่กลับมีตำรวจมาบอกว่า มวลชนที่ดินแดงเป็นผู้ก่อจลาจล ในขณะที่ประชาชนทนทุกข์ คนที่เป็นตัวแทนประชาชน ยังไม่ขานรับคำเรียกร้องของประชาชน จึงขอประณามตำรวจ

“ในขณะที่ผ่านมาตำรวจเจอผู้ชุมนุม หรือม็อบที่มีแกนนำชัดเจน แต่รัฐกลับไม่รับฟัง พอมาวันนี้เจอกับม็อบที่ไม่มีแกนนำ รัฐจึงไม่รู้จะพูดกับใคร สิ่งนี้จึงถือว่าเป็นความผิดพลาดของรัฐ เพราะฉะนั้น กลไกทางกฏหมาย อาวุธที่รัฐมี รัฐสามารถทำให้ม็อบเป็นม็อบที่สงบสันติได้ เพราะฉะนั้น ใครที่มาชี้หน้าด่าม็อบที่ดินแดง คุณตาบอดมองไม่เห็นว่าตำรวจใช้กระสุนยาง แก๊ซน้ำตายิงใส่ประชาชน แล้วทำไมต้องห้ามสื่อทำงานหลังเวลาเคอร์ฟิว สื่อมีหน้าที่นำเสนอและถ่ายทอดความจริง และสื่อเองก็ต้องมีกระดูกสันหลังในการทำงานเช่นกัน” นายกฤษณะ กล่าว

นายกฤษณะ ไก่แก้ว

นายกฤษณะ ยังกล่าวต่ออีกว่า สิทธิ-เสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็นเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ หากไม่สามารถทำได้จะมีรัฐธรรมนูญไว้ทำไม เมื่อวานมีการจับสื่อพลเมืองหลายสำนัก อันนี้ถือว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ ทางบชน.จะต้องมีคำตอบว่าทำไม และอยากฝากถึงพี่ตำรวจ ว่าในประเทศที่เจริญแล้ว ตำรวจจะต้องปฏิการตามหลัก ‘law and order’ ไม่มีการปฏิบัติใดที่ไม่ชอบด้วยกฏหมาย ผู้รักษากฏหมายต้องยิ่งปฏิบัติตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด คุณรับเงินเดือน คุณไม่ต้องมาเรียกร้องอะไรทั้งสิ้น หากไม่ได้เงินเดือนค่อยมาเรียกร้อง ขอร้องให้ใช้ดุลพินิจในการพิจารณาเวลาตั้งข้อหา ไม่ใช่ใครที่มาทำธุระแถวดินแดงนั้นก็โดนจับยัดข้อหาว่ามาชุมนุม

“ฝากถึงตำรวจชั้นผู้น้อยที่ยังตั้งใจจะก้าวหน้าในอาชีพ ผมไม่เชื่อว่าระบอบนี้จะเป็นไปได้นาน ช่วยมีจรรยาบรรณกับวิชาชีพของตัวเอง เพราะวันหนึ่งที่อดีตไล่ตามคุณ คุณจะไม่สามารถพูดได้ว่าทำตามนายสั่ง” นายกฤษณะ กล่าว