เผยแพร่ |
---|
‘ชัยวุฒิ’ ชี้ยุบสภาอีกนาน ยัน นายกฯไม่ได้แทรกแซงพปชร. ‘ประวิตร’ ยังเป็นที่เคารพ ‘สมศักดิ์์’ ชี้พรรคยังไม่ปรับโครงสร้างบริหาร รับ ส.ส.เรียกร้องให้นายกฯ-รมต.กระชับมิตร แต่คงไปบังคับกันไม่ได้
วันที่ 14 กันยายน 2564 เมื่อเวลา 08.35 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมพรรคพลังประชารัฐในวันที่ 15 ก.ย. ว่า ก่อนประชุมสภาพรรคพลังประชารัฐจะมีการประชุมส.ส.ก่อนเป็นปกติ ทุกครั้งจะมีการหารือถึงวาระที่จะเข้าสภา ไม่ได้มีเรื่องการเมืองหรือการบริหารภายในพรรค มีแต่เรื่องการทำงานในสภา เพียงแต่เปลี่ยนที่ประชุมจากที่ทำการพรรคมาเป็นรัฐสภาเท่านั้น
ส่วนสาเหตุที่ไม่ใช้ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐนั้น เนื่องจากอยู่ติดถนนรัชดาภิเษก และเคยมีผู้ชุมนุมมาก่อกวนและประท้วงที่พรรค เกรงจะไม่ปลอดภัยต่อสมาชิก ช่วงนี้จึงย้ายมาประชุมที่รัฐสภา ไม่ได้มีผลจากเรื่องการเมืองใดๆ
เมื่อถามถึงกระแสข่าว พล.อ.ประวิตรวงษ์ สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐจะลาออกเพื่อปรับโครงสร้างพรรค เหมือนเป็นการเซ็ตซีโร่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ไม่มี ตนไม่ได้ยิน และไม่ได้มีการพูดคุยกัน ส่วนกระแสข่าวที่จะมีการยุบสภาและมีการเลือกตั้งใหม่นั้น ยืนยันว่ายังไม่มีเลือกตั้ง อีกนาน เพราะต้องแก้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.รป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งก่อน ซึ่งคงต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง และอาจจะต้องแก้พ.ร.ป.พรรคการเมืองด้วย เกี่ยวกับเรื่องไพรมารีโหวต เพื่อการเตรียมผู้สมัคร ส.ส. เพราะมีการเปลี่ยนกฎหมายเลือกตั้ง ยังมีเวลา และพวกเราคงต้องทำงานในสภาเพื่อจะแก้ไขกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้งให้เรียบร้อย
ถ้าตอนนี้จะยุบสภาให้มีการเลือกตั้งขณะที่กฎหมายลูกและกฎหมายเลือกตั้งยังไม่ได้ทำเลยก็จะมีข้อขัดข้องเยอะในการทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จึงคิดว่ายังไม่ใช่เวลาที่จะยุบสภา ที่สำคัญพรรคร่วมรัฐบาลและส.ส.ทุกคนก็ให้ความร่วมมือในการทำงาน ไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไรกัน เป็นแค่เรื่องของคนบางกลุ่ม ไม่มีผลต่อการทำงานของสภาหรอก ไม่ต้องซีเรียส
เมื่อถามถึงกระแสข่าว นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย ถูกพรรคเพื่อไทยมีมติไล่ออกจากพรรคจะย้ายมาพรรคพลังประชารัฐ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ขอให้ไปถามนายศรัณย์วุฒิเอง เพราะเป็นสิทธิ์ของเจ้าตัวที่จะเลือกว่าจะอยู่พรรคไหนหากจะย้ายสังกัด และคงเร็วไปที่จะพูดว่าใครจะย้ายไปอยู่พรรคไหน
เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้กำชับ ให้ดูแล ส.ส. ภายในพรรคพลังประชารัฐอย่างไรหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้พูดคุยกับนายกฯ และนายกฯไม่ได้มาสั่งให้ทำอะไรภายในพรรค มีแต่สั่งงานในเรื่องของการทำงานของรัฐบาล แต่ไม่ได้สั่งงานเรื่องการเมือง
อย่างไรก็ดี นายกฯไม่ได้เข้ามาบริหารจัดการการเมืองภายในพรรคพลังประชารัฐอยู่แล้ว ในพรรคเป็นเรื่องของหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคดูแลกันเอง ข่าวที่ออกมาเป็นข่าวลือ ยืนยันนายกฯไม่เคยเข้ามาแทรกแซง และพล.อ.ประวิตรก็เป็นหัวหน้าพรรค ที่เป็นที่เคารพรักของเราทุกคน ยังเป็นหลักในการทำงานให้พวกเราทุกคนอยู่
ขณะที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการปรับโครงสร้างภายในพรรคพปชร. ว่า ถ้าฟังจากผู้บริหารก็ยังไม่มีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ ก็แสดงว่าไม่มีการปรับอะไรทั้งสิ้น คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งแล้วค่อยพูดคุยกัน เพราะยังเป็นเรื่องใหม่ ส่วนเรื่องที่พูดคุยกันเป็นเรื่องความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เช่น ฝนตก น้ำท่วม หรือแนวทางการแก้ไขปัญหาความยากจน เป็นต้น ทั้งนี้ อย่าไปคิดอะไรที่เลยเถิด ไม่มีอะไร เป็นไปตามปกติ ให้คิดถึงเรื่องของประชาชนเพราะเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนเรื่องพรรคเป็นเรื่องรองลงไป
เมื่อถามว่า ส.ส.ของพรรคจะเรียกร้องให้ นายกฯ กระชับมิตรกับส.ส.มากขึ้นหรือไม่เพราะก่อนหน้านี้มีระยะห่างกับพรรค นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ส.ส.ก็มีการเรียกร้องอย่างนั้น แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่สามารถไปบอก หรือไปกดดันอะไร อยู่ที่การตัดสินใจของแต่ละท่านที่มีชื่อถูกร้องเรียกร้องให้เข้ามาช่วยดูแลในพรรค แต่คงไม่สามารถไปกดดันท่านได้ แต่ถ้าท่านมาก็ดี
เมื่อถามว่า มีสัญญาณการเปลี่ยนเลขาธิการพรรคพปชร. หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า “ไม่มีครับ เลขาฯยังไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไร คงยังเหมือนเดิมอยู่”
เมื่อถามว่า เมื่อไหร่จะกลับไปใช้ที่ทำการพรรคในการประชุมพรรค นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ต้องกลับไปแน่นอน แต่ไม่ทราบเมื่อไหร่ บวกกับขณะนี้สภาผู้แทนราษฎรจะปิดสมัยประชุมพอดีก็คงไม่ต้องรีบร้อนอะไร
เมื่อถามย้ำว่า ในฐานะที่ท่านก็เป็นหนึ่งในแกนนำพรรคพปชร. จะทำอย่างไรให้ภาพของพรรคออกมาไม่แตกแยก เพราะที่ผ่านมาภาพแตกแยกกันมาตลอด นายสมศักดิ์ กล่าวว่า มีความระหองระแหงกันบ้าง ในเรื่องของการนำนโยบายจากพรรคไปดำเนินการ เราก็ต้องถกเถียงกันระหว่าง ส.ส. กับผู้บริหารของพรรค โดยเราก็คุยกันว่าจะทำอย่างไรให้พี่น้องประชาชนไม่รู้สึกว่าห่างไกลกับเรา
เมื่อถามว่า นี่หมายถึงการเตรียมการรองรับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปีหน้าใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่า ถ้าเราจะไปเตรียมตอนที่หมดเวลาไปแล้วก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไร แต่วันนี้เรามีเวลาอีก 1 ปีครึ่ง ถ้าเราทำอะไรที่เป็นรูปธรรม ประชาชนเขาจะมองเห็นว่า หลังจากที่โควิดเบาบางลง รัฐบาลเรียมที่จะขับเคลื่อนหลายอย่าง แต่การที่รัฐบาลจะขับเคลื่อนได้พรรคจะต้องเป็นผู้คิด และสนับสนุนให้เกิดขึ้น
เมื่อถามว่า มั่นในว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคพปชร. จะยังเป็นพรรคใหญ่ในการขับเคลื่อนการเลือกตั้ง นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ก็ต้องเชื่อสิ เราจึงคิดถึงนโยบายว่าเราจะทำอะไร ถ้าผ่านโควิดไปแล้วก็ต้องเข้าสู่โหมดเร่งรัดให้ประชาชนมีรายได้มากขึ้น มีเงินใช้หนี้ และมีเงินใช้จ่าย
เมื่อถามว่า การประชุมพรรคมีวาระหลักๆอะไรบ้าง นายสมศักดิ์ กล่าวว่า คงพูดถึงเรื่องกฎหมายที่จะเข้าสู่สภาฯ เพราะรัฐมนตรีของพรรคมีกฎหมายหลายฉบับที่จะนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ
เมื่อถามถึงกรณีการปรับ ครม. ในสัดส่วนของพรรคพปชร. ที่ว่างอยู่ 2 เก้าอี้ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า อำนาจการปรับ ครม.เป็นของนายกฯ เราคงไปพูดอะไรไม่ได้ และไม่ควรพูด ขณะนี้ยังมีเวลาอีกมากมายในการพิจารณา