“เพื่อไทย” จี้ “ประยุทธ์” เร่งช่วยเหลือเกษตรกร ชี้ราคาสินค้าตกต่ำ แต่ค่าปุ๋ยกลับแพง

“เพื่อไทย” จี้ “ประยุทธ์” เร่งช่วยเหลือเกษตรกร ชี้ ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ แต่ราคาปุ๋ยกลับแพง

วันที่ 13 กันยายน 2564 นายเอกชัย ทรงอำนาจเจริญ ส.ส. อุบลราชธานี เขต 4 คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่พรรคเพื่อไทยร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ อีก 5 รมต. ชี้ให้เห็นในความล้มเหลวในการบริหารประเทศ ทั้งการจัดการโรคระบาดโควิดที่ล้มเหลว การบริหารวัคซีนที่ส่อไปในทางทุจริตอย่างเห็นได้ชัด และยังไม่มีการแสดงหลักฐานพิสูจน์ความโปร่งใสเรื่องส่วนต่างของราคาวัคซีนซิโนแวค และความล้มเหลวทางเศรษฐกิจ ได้สร้างความสั่นสะเทือนให้กับรัฐบาล จนมีความแตกแยกภายในพรรคพลังประชารัฐ จนเกือบมีการโหวตล้มพลเอกประยุทธ์ และต้องมีการปลด รมช. 2 คน ที่อยู่เบื้องหลังและอาจจะทนต่อความล้มเหลวในการบริหารของพลเอกประยุทธ์ ไม่ได้ โดยความแตกแยกในพรรคพลังประชารัฐน่าจะมีมากยิ่งขึ้นไปอีก แม้จะพยายามจะสร้างภาพว่าสงบลงแล้ว แต่ไม่น่าจะจริง

ทั้งนี้ในช่วงอภิปราย พรรคเพื่อไทยได้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาของเกษตรกรที่ไม่ได้รับการเหลียวแลจากพลเอกประยุทธ์ มาตลอด 7 ปี ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำมาโดยตลอดและไม่ได้มีการช่วยเหลือ จนกระทั่งจะใกล้เลือกตั้งถึงมีการช่วยบ้าง และพรรคพลังประชารัฐได้ออกนโยบายหาเสียงเรื่องราคาสินค้าเกษตรจำนวนมากเช่น ราคาข้าวเจ้าตันละ 12,000 บาท ราคาข้าวหอมมะลิ 18,000 บาท และสินค้าเกษตรชนิดอื่นๆ อีก แต่กลับไม่ได้ดำเนินการเลย ยิ่งปัจจุบันหลังจากวิกฤตการณ์ไวรัสโควิด ราคาสินค้าเกษตรยิ่งกลับตกต่ำลงอีก ราคาข้าวถูกกว่ามาม่า และยังถูกกว่าราคาอาหารสัตว์ ราคาผลไม้เช่น ลำไย ราคาถูกขนาดต้องนำมาเททิ้ง สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างมาก

นอกจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำแล้ว เกษตรกรยังต้องเจอกับราคาปุ๋ยที่ราคาสูงขึ้นมาก เป็นการซ้ำเติมเกษตรกรให้ลำบากมากขึ้น เพราะราคาขายต่ำมาก แต่ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น เกษตรกรจะทนกันไม่ไหว ไม่แน่ใจว่าเป็นการเอาใจนายทุนที่ขายปุ๋ยที่สนับสนุนรัฐบาลอยู่ใช่หรือไม่ ถ้าไม่จริงพลเอกประยุทธ์ จะต้องเข้ามาดูแลจัดการราคาปุ๋ยให้ถูกลง และ ราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้นเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร อีกทั้ง ปัญหาลิมปิสกิน ที่ระบาดและปัญหาอหิวาต์ในสุกรยังเป็นปัญหาอยู่และยังไม่ได้รับการแก้ไขเท่าที่ควรจึงอยากให้เร่งดำเนินการเช่นกัน ที่ผ่านมาเกษตรกรต้องช่วยเหลือตัวเองมาตลอด ทั้งค่ายาค่าวัคซีน แถบจะไม่ได้รับการช่วยเหลือจากรัฐเลย ปล่อยให้ระบาดลามไปติดวัวแดงและสัตว์สงวนต่างๆ จนลามไปทั่วประเทศ ตอนนี้ต้องเร่งจ่ายเงินเยียวยาให้เกษตรกร ให้ได้ทุนคืน ให้เศรษฐกิจฐานรากกลับมาหมุนเวียน และ ต้องรีบเร่งฟื้นตลาดโคกระบือ ให้การขนย้ายโคกระบือการส่งออกเป็นไปได้อย่างสะดวก ฟื้นความเชื่อใันผู้บริโภคยกระดับราคากลับมาดังเดิม โรคอหิวาหมูก็เช่นกัน หากไม่เร่งดำเนินงานควบคุมโรค เกษตรกรต้องเข้าสู่ภาวะยากลำบากอย่างแน่นอน รวมทั้งสินค้าเกษตรทุกชนิดก็ราคาตกต่ำ มีแต่ทุนกับหนี้ หนี้สินเกษตรกรยิ่งถับถมให้เศรษฐกิจฐานรากกำลังจะล้มละลาย และจะลุกลามเป็นการล่มสลายทางเศรษฐกิจในอนาคตอย่างแน่นอนหากท่านผู้นำรัฐบาลทำงานช้าไม่ทันต่อเหตุการณ์ สั่งงานจากหอคอยงาช้างอย่างนี้ ท่านจะรู้หรือไม่ว่าความเดือดร้อนของเกษตรกร มากมายขนาดไหน เกษตรกรคิดสั้นหดหู่ในชีวิตแถบจะไม่ไหวอยู่แล้ว

ในสภาวะที่พลเอกประยุทธ์กำลังวุ่นวายกับพรรคพลังประชารัฐ จนอาจจะไม่มีสมองคิดในเรื่องอื่น เพราะพลเอกประยุทธ์ ทำได้ทีละเรื่องอยู่แล้ว แต่ในสถานะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่และการจัดการการแก้ไขปัญหาโควิดในตอนนี้ต้องการผู้นำที่มีความสามารถอย่างแท้จริง จะมัวแต่คิดปัญหาเฉพาะตัวเพื่อรักษาอำนาจ โดยละเลยความเดือดร้อนของประชาชนไม่ได้ โดยเฉพาะปัญหาของเกษตรกร เพราะทุกข์ของเกษตรกรคือทุกข์ของแผ่นดิน ถ้าพลเอกประยุทธ์ คิดไม่ได้หรือทำไม่ได้ ก็ไม่ควรจะบริหารประเทศต่อไปแล้ว ประเทศไทยจะได้เดินหน้าได้ //