นายก ตรวจเยี่ยมโครงการแฟคทอรี่แซนด์บ็อกซ์ สร้างภูมิคุ้มกันหมู่แรงงานในสถานประกอบการ จ.นนทบุรี

เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานโครงการแฟคทอรี่แซนด์บ็อกซ์ (Factory Sandbox) ณ บริษัท เอส.บี.อุตสาหกรรมเครื่องเรือน จำกัด ตำบลละหาร อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี โดยมี นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี คุณสรญา ชวาลดิฐ ประธานกรรมการบริหารบริษัท เอส.บี อุตสาหกรรมเครื่องเรือน จำกัด พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบทั่วโลก ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนต้องบูรณาการกัน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนประเทศ สร้างงาน สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน และขอขอบคุณกระทรวงแรงงานกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ร่วมกันบูรณาการการทำงานของรัฐบาลในมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยรัฐบาลได้กำหนดให้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้คนไทยโดยได้เริ่ม Kickoff เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2564 ผมขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมขับเคลื่อนวาระแห่งชาติของรัฐบาลด้วยดีตลอดมา

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า กระทรวงแรงงานเป็นอีกหนึ่งหน่วยงานสำคัญที่ร่วมขับเคลื่อนการฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ โดยได้ฉีดวัคซีนแก่ผู้ประกันตนในสถานประกอบการ การเยียวยาผู้ประกันที่ได้รับผลกระทบจากการ Lockdown ทั้งมาตรา 33, 39 และ 40 การดูแลแคมป์คนงาน จึงขอเน้นย้ำการทำงานในประเด็นสำคัญ ดังนี้ 1) โครงการแฟคทอรี่แซนด์บ็อกซ์ให้เฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะการดำเนินการ Bubble and Seal ให้มีการดูแลอย่างเป็นระบบ 2) การฉีดวัคซีนแก่ผู้ประกันตน ให้ดูแลและจัดระบบการให้บริการอย่างทั่วถึง 3) การเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ให้จัดระบบการให้บริการจ่ายเงินเยียวยาอย่างมีประสิทธิภาพ และกลุ่มมาตรา 40 ที่ต้องตรวจสอบสิทธิการเยียวยาให้ประชาสัมพันธ์อย่างทั่วถึงเพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับความช่วยเหลือสามารถดำรงชีพในสถานการณ์การแพร่ระบาดฯ ได้เป็นอย่างดี

“แฟคทอรี่แซนด์บ็อกซ์ เป็นโครงการที่ดี เป็นการนำมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด -19 ในโรงงานไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะต้องทำงานบูรณาการร่วมกัน ระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม จึงจะต่อสู้กับโควิด-19 ได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ด้าน นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบในปัจจุบัน กระทรวงแรงงานได้ดำเนินโครงการแฟคทอรี่แซนด์บ็อกซ์ โดยบูรณาการร่วมกับ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรม ดำเนินการภายใต้แนวคิดในการจัดการโครงสร้างและกระบวนการในลักษณะ “เศรษฐศาสตร์สาธารณสุข”เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่แรงงานและสร้างความเชื่อมั่นในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจจากภาคการผลิตแก่นักลงทุนในสถานประกอบการภาคการผลิต ส่งออกขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นกลไกที่พยุงเศรษฐกิจประเทศ มี 4 sector ได้แก่ ยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อาหาร และอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยในระยะที่ 1 ดำเนินการใน 4 จังหวัด ประกอบด้วย นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร และชลบุรี และในระยะที่ 2 จะขยายไปยัง 3 จังหวัดประกอบด้วย พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา และสมุทรปราการ ในสถานประกอบการภาคการผลิต/ส่งออก ที่มีผู้ประกันตน 500 คน ขึ้นไปจำนวน 387 แห่ง ผู้ประกันตน 474,109 คน ดำเนินการภายใต้สโลแกน “ตรวจ รักษา ควบคุม ดูแล” เริ่ม Kick off พร้อมกัน 4 จังหวัด เมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา 1) ตรวจ คือ การตรวจคัดกรองด้วย RT-PCR 100% เพื่อแยกคนป่วยไปรักษาทันทีและดำเนินการตรวจ Self-ATK ทุกสัปดาห์ 2) รักษา คือ จัดให้มี FAI (Factory Accommodation Isolation) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของพนักงาน, Hospitel โรงพยาบาลสนาม ICU สำหรับผู้ป่วยเขียว เหลือง และแดง 3) ควบคุม คือ ดำเนินการตามมาตรการ Bubble and Seal สำหรับการป้องกันและควบคุม และ DMHTT (Distancing, Mask Wearing, Hand Washing, Testing, Thai Cha na) และ 4) ดูแล คือ ดำเนินการฉีดวัคซีนให้แรงงาน โดยเน้นกลุ่ม 7 โรคเสี่ยง หญิงตั้งครรภ์ รวมทั้งออกใบรับรอง “โรงงานสีฟ้า” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในภาคการผลิตส่งออก คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 700,000 ล้านบาท สามารถป้องกันการแพร่ระบาดในคลัสเตอร์โรงงาน เพื่อให้ประเทศสามารถเดินหน้าต่อไปได้ และสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ รวมทั้งสามารถรักษาระดับการจ้างงานในภาคการผลิตและส่งออกสำคัญได้กว่า 3 ล้านตำแหน่ง

ทั้งนี้ ผลการดำเนินโครงการในระยะที่ 1 ณ วันที่ 8 กันยายน 2564 ปรากฏว่า ได้ตรวจคัดกรองโควิดในสถานประกอบการแล้ว 35 แห่ง ผู้ประกันตน 79,223 คน และฉีดวัคซีนในสถานประกอบการแล้ว 20 แห่ง ผู้ประกันตน 26,141 คน สำหรับจังหวัดนนทบุรีเป็นหนึ่งในจังหวัดนำร่องของโครงการ “Factory Sandbox” มีสถานประกอบการเข้าร่วม 11 แห่ง มีผู้ประกันตนรวม 9,824 คน มีสถานประกอบการที่ตรวจคัดกรองแล้ว 6 แห่ง ผู้ประกันตนรวม 3,811 คน ครบถ้วนทุกคน พบผู้ติดเชื้อจำนวน 178 คน ซึ่งได้ส่งเข้ารับการรักษาตามมาตรการของสาธารณสุขเป็นที่เรียบร้อย