“อรุณี” ย้ำหวนระบบเลือกตั้ง รธน.40 ปชช.ได้ประโยชน์ที่สุด รื้อนั่งร้านค้ำยันเผด็จการได้

วันที่ 10 กันยายน 2564 น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อมุมมองแต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะระบบการเลือกตั้งที่กลับมาแบบระบบเลือกตั้ง 2 ใบที่เคยใช้ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2540 ว่า

จากสภาพบ้านเมืองของเราในตอนนี้และสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน คงเห็นกันแล้วนะคะว่าเราจำเป็นต้องมีการเลือกตั้งใหม่โดยเร็วที่สุด และหญิงขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่าเจตนารมณ์ของพรรคเพื่อไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน คือ รื้อระบบการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 60 ยกเลิกการสืบทอดอำนาจของ คสช. และเครือข่ายของพลเอกประยุทธ์ทั้งหมด รวมถึงเรียกร้องประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชน
.
หญิงอยากย้ำให้เห็นจุดยืนของพรรคเพื่อไทยที่มีมาตั้งแต่ต้น ซึ่งพี่น้องประชาชนสามารถติดตามได้จากโพสต์นี้ที่หญิงเคยเสนอเอาไว้ https://www.facebook.com/photo/?fbid=350045556489152&set=a.208192917341084
.
วันนี้หญิงอยากจะมาชี้ให้เห็นว่าระบบการเลือกตั้งตามแบบรัฐธรรมนูญปี 40 สมควรที่จะถูกนำกลับมาปัดฝุ่นใช้ใหม่อีกครั้ง เพราะเป็นประโยชน์กับประชาชนที่สุด และสามารถรื้อนั่งร้านที่ค้ำยันเผด็จการที่ไม่ได้มาจากเจตนารมณ์ของประชาชนได้
.
ระบบการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 40 คือ ระบบแบบผสมเน้นเสียงข้างมาก หรือระบบคู่ขนาน (Mix Member Majoritarian System – MMM) โดยใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แยก ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ออกจากกัน ซึ่งการจัดสรรที่นั่งของ ส.ส.บัญชีรายชื่อมากจากคะแนนบัตรเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อโดยตรง ประชาชนมีสิทธิ์เลือกพรรคที่ตัวเองชอบคนละ 1 พรรค และนำคะแนนจากระบบบัญชีรายชื่อที่ทุกพรรคได้รับมารวมกัน เพื่อคำนวณแบ่งจำนวนผู้ที่จะได้รับเลือกของแต่ละพรรคตามสัดส่วนของคะแนนรวมทั้งประเทศ ไม่ได้มีการนำคะแนนจาก ส.ส.เขตมานับรวม และไม่มีการคำนวณเพื่อกำหนดจำนวน ส.ส.พึงมีเหมือนระบบการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา
.
ระบบการเลือกตั้งแบบนี้ ข้อดีคือ
.
1. ทำให้พรรคการเมืองเข้มแข็งและมีความสำคัญมากขึ้น
– ระบบการเลือกตั้งนี้ให้ความสำคัญกับพรรคการเมืองมากกว่าตัวบุคคลค่ะ ทำให้แต่ละพรรคต้องแข่งขันกันหาเสียงด้วยนโยบายที่เป็นประโยชน์ เพื่อเอาชนะใจพี่น้องประชาชนมากกว่าใช้บารมีของผู้แทนในท้องถิ่น ที่สำคัญคือ สะท้อนความต้องการของพี่น้องประชาชนที่จะ “เลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบ” ถ้าพี่น้องประชาชนไว้ใจผู้แทนคนไหนว่าจะสามารถเข้าไปในสภาเพื่อทำหน้าที่ ส.ส.เขต ก็สามารถเลือกคนนั้นได้ ในขณะเดียวกันก็สามารถเลือกพรรคที่พี่น้องประชาชนชื่นชอบในนโยบายการบริหารประเทศได้ ซึ่งเป็นประโยชน์กับทุกพรรคการเมืองและพี่น้องประชาชน ทำให้เราสามารถเลือก ส.ส.เขตในพื้นที่และพรรคการเมืองที่ชอบแตกต่างกันได้

จึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ระบบเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 40 นั้น “สะท้อนเจตจำนงของประชาชนได้อย่างแท้จริง” และสมดุล เนื่องจาก ใช้บัตร 2 ใบ ทำให้คะแนนไม่ปะปนกัน แล้ว “แยกการคำนวณอย่างชัดเจน” ไม่ปะปนกันจนสับสนและน่ากังขา จนนำไปสู่การปัดเศษ หรือวิธีคิดแบบพิสดาร เช่น ระบบการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนคะแนน (Mixed Member Apportionment – MMA) ตามรัฐธรรมนูญ 60 หรือระบบการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม (Mixed Member Proportional – MMP) หรือที่รู้จักกันในชื่อระบบการเลือกตั้งแบบเยอรมัน ตามที่พรรคก้าวไกลเสนอ ซึ่งมีวิธีการคิดคำนวณที่ทับซ้อนและไม่ได้แยกออกจากกันอย่างชัดเจน ระหว่างคะแนนของ ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
.
2. ทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ
– ในช่วงเวลาวิกฤตแบบนี้ เราต้องการรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ สามารถบริหารประเทศได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันไม่ต่างอะไรกับสภาพการเมืองไทยก่อนหน้ารัฐธรรมนูญ 40 ที่ไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง ทำให้ประเทศขาดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 40 จะช่วยทำให้การเมืองไทยและรัฐบาลมีเสถียรภาพ สามารถแก้ไขปัญหารัฐบาลผสม 10 กว่าพรรค ที่ทำงานไม่เป็นเอกภาพ มัวแต่แจกกล้วย แบ่งผลประโยชน์กัน จนไม่สามารถทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนได้เหมือนรัฐบาลในปัจจุบัน
ซึ่งระบบการเลือกตั้งแบบเยอรมันก็ไม่ได้แก้ไขปัญหารัฐบาลผสมได้เช่นกัน หากเราจะเปลี่ยนจากระบบการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 60 ไปเป็นระบบการเลือกตั้งแบบเยอรมัน รัฐบาลที่เป็นผลิตผลของระบบการเลือกตั้งแบบเยอรมันนั้น ก็อาจจะไม่ต่างกับรัฐบาลจากระบบการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 60 มากนัก เพราะยากที่พรรคการเมืองหนึ่งใดพรรคการเมืองหนึ่งจะได้เสียงข้างมากเป็นรัฐบาลพรรคเดียวได้ ดังนั้นก็จะนำพาประเทศวนกลับไปสู่วังวนของรัฐบาลผสมที่ไร้เสถียรภาพอีกเช่นเคย ระบบการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 40 จึงตอบโจทย์กับสถานการณ์บ้านเมืองมากที่สุด
.
3. มั่นคง ชัดเจน ในประชาธิปไตยและอำนาจของประชาชน
– เนื่องจากระบบเลือกตั้งแบบนี้ กำเนิดมาจากรัฐธรรมนูญ 2540 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน และเป็น “รัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดและเป็นประชาธิปไตยมากที่สุด” นี่คือเครื่องยืนยันความชอบธรรมของรัฐธรรมนูญและระบบเลือกตั้งในรัฐธรรมนูญ จึงอาจกล่าวได้ว่า ระบบเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูฐ 40 เป็นระบบเลือกตั้งของประชาชน
.
หากเรายึดมั่นในรัฐธรรมนูญ 40 ว่าดีที่สุด ระบบการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 40 จึงเป็นระบบเลือกตั้งของประชาชนและเข้ากับสถานการณ์มากที่สุด คำถามคือ ทำไมเราต้องถอยหลังไป “ประนีประนอม” กับระบบเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 60 ของเผด็จการด้วยหล่ะคะ

ทำไมเราไม่กลับไปเอาของเดิมที่ดีอยู่แล้วมาใช้
.
ถ้าใครกังวลว่าระบบการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 40 จะทำให้มีคะแนนเสียงตกน้ำ หญิงคิดว่าเราสามารถแก้ไขปัญหานี้ด้วยการปรับลดเกณฑ์ขั้นต่ำในการคำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ จาก 5% เหลือ 1% ได้ เพื่อลดจำนวนคะแนนเสียงที่จะตกน้ำ นอกจากนี้ยังแก้ไขปัญหา ส.ส.ปัดเศษเหมือนที่เกิดขึ้นจากระบบการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 60 ด้วยการปรับลดเกณฑ์ขั้นต่ำตามที่เรากำหนดได้
.
ระบบการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 40 แบบนี้ บ้านเราเคยนำมาใช้แล้วค่ะในการเลือกตั้งเมื่อปี 44 และปี 48 เป็นระบบการเลือกตั้งที่คนไทยเราคุ้นเคยและเข้าใจกันเป็นอย่างดี เป็นระบบที่ชัดเจน ไม่มีการคำนวณที่ยุ่งยากซับซ้อน สามารถสะท้อนเจตนารมณ์ของพี่น้องประชาชนได้อย่างตรงไปตรงมาที่สุด และได้รับการรับรองจากพี่น้องประชาชนคนไทยมาแล้ว
.
สุดท้ายนี้ หญิงยืนยันนะคะว่า ระบบการเลือกตั้งแบบ 2 ใบ ที่แยกคะแนน แยกวิธีคิด ไม่ทับซ้อนกัน ตามรัฐธรรมนูญ 40 นั้น สามารถสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชน เอื้อให้พรรคการเมืองสามารถแข่งขันเชิงนโยบายและไปสู่ความเป็นสถาบันได้ เอื้อให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ง่าย รวมทั้งมีเสถียรภาพและประสิทธิภาพ และเกิดการแข่งขันอย่างเท่าเทียมกันระหว่างทุกพรรค
.
การที่เราเสนอให้กลับไปใช้ระบบเลือกตั้งแบบ 2540 นั้น เพราะหญิงเคารพและยึดมั่นเสมอว่า “อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน” และอำนาจนั้นเคยเป็นของประชาชนมากที่สุดจากรัฐธรรมนูญ 2540 ดังนั้น ข้อเสนอของเรา
“คือการคืนอำนาจไปยังมือของพี่น้องประชาชนทุกคนอย่างแท้จริง”
.
หญิงเชื่อนะคะว่า ไม่ว่าจะเป็นระบบการเลือกตั้งแบบไหนที่แต่ละพรรคเสนอมา ล้วนแล้วแต่ทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน คำนึงถึงสิทธิของประชาชนเป็นสำคัญ และต้องการจะสะท้อนเจตรมณ์ของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยออกมาให้ได้มากที่สุด เพียงแต่มีมุมมองและมีวิธีการคำนวณที่แตกต่างกันเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันได้ ทั้งนี้ก็เพื่อประชาชนและประชาธิปไตยในประเทศของเรา
.
และหญิงเชื่อว่าพี่น้องประชาชนคงเห็นพ้องต้องกันว่า เราจำเป็นต้องรื้อระบบการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 60 ทิ้ง ยกเลิกอำนาจของ ส.ว.ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งในการเลือกนายกฯ และยกเลิกการสืบทอดอำนาจของระบอบประยุทธ์ สิ่งที่จะช่วยให้เราทำได้สำเร็จ คือ ระบบการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 40 รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยและเป็นของประชาชนมากที่สุด

นี่คือ หลักการที่หญิงและพรรคเพื่อไทยยืนหยัดมาโดยตลอดไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
.
ดร.อรุณี กาสยานนท์
โฆษกพรรคเพื่อไทย
10 ก.ย. 64