วันที่ 8 กันยายน 2564 พลโทภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทยอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กล่าวว่าภายหลังจบอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีสืบทอดอำนาจและรัฐมนตรีรวม6คนของสภาผู้แทนราษฎร นายกฯได้รับผลโหวตไว้วางใจคือรองบ๊วยและได้รับคะแนนไม่ไว้วางใจสูงที่สุด แต่ไร้ยางอายออกมาประกาศว่าตนใจใหญ่รับได้กับผลคะแนนดังกล่าว ต่างกับคนรุ่นใหม่ที่มองกันว่านายกฯคนนี้ช่างอัปยศอดสูสิ้นดี

คะแนนอภิปรายที่รอดตัวมาได้ ปรากฎข่าวลือกันทั่วว่าเกิดจากการที่พวกพ้องมาติดสินบนให้ผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยในเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจให้หลงผิดรับอามิสสินจ้างโดยไม่แยแสความรู้สึกของประชาชน นายกฯคลั่งอำนาจไม่รู้ว่าจุดจบกำลังใกล้มาถึงแต่ยังคงหลงลำพองตนเปรียบเสมือนกำลังวิ่งผลัด4คูณ100แต่อวดโชว์วิ่งเดี่ยวด้วยตัวคนเดียว ในขณะที่คนรุ่นใหม่เขาใช้4คนผลัดกันวิ่งแล้วส่งไม้ต่อให้กันเสมือนการเดินหน้าสู่อนาคตแบบคนฉลาดจึงได้เปรียบไม่เหน็ดเหนื่อย ซึ่งพวกเขาก็จะได้รับชัยชนะถึงเส้นชัยในท้ายที่สุด

ส่วนผู้นำสืบทอดอำนาจก็จะหมดแรงล้มคว่ำลงก่อนถึงเส้นชัย เมื่อความอุบาทว์เข้าครอบงำสภา ความชอบธรรมก็เป็นของประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยตัวจริงที่จะออกมาชุมนุมขับไล่นายกฯสืบทอดอำนาจโดยทางตรง การขับไล่จุดติดแล้วรอเพียงไฟลามทุ่งทั่วแผ่นดิน สถานการณ์ขณะนี้เทียบกับการวิ่งผลัด4คูณ100ของคนรุ่นใหม่ก็คือกำลังมาถึงช่วงการส่งไม้ของนักวิ่งคนที่3สู่คนที่4 เพื่อเข้าโค้งสุดท้ายสู่เส้นชัยแล้ว พร้อมไปกับจุดจบของนายกฯสืบทอดอำนาจนั่นเอง