‘ลูกนัท’ ท้าสื่อกล่าวหา ตาไม่บอดจริง ล้างมือให้สะอาดแล้วมาถ่างดู 

‘ลูกนัท’ ท้าสื่อกล่าวหา ตาไม่บอดจริง ให้มาถ่างตาดู ยันเคลื่อนไหวทางการเมือง เกินร้อยแน่นอน ส่วนการฟ้องร้องให้เป็นเรื่องของครอบครัว-ทนายความ

วันที่ 22 สิงหาคม 2564 เมื่อเวลา 15.15 น. นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ “ลูกนัท” ทายาทนักธุรกิจชื่อดัง ที่บาดเจ็บบริเวณดวงตาและใบหน้า ระหว่างเข้าร่วมชุมนุมม็อบขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้มาร่วมกิจกรรมของกลุ่มทะลุฟ้า ที่จัดกีฬาสีประชาชน VS ทรราช ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

นายธนัตถ์ เปิดเผยว่า วันนี้เดินทางมาให้กำลังใจในการจัดกิจกรรมของกลุ่มหมู่บ้านทะลุฟ้าที่มาจัดกิจกรรมบริเวณดังกล่าว ในการเตะฟุตบอล เล่นสเก็ตบอร์ด โดยตนก็ชื่อชอบการเล่นสเก็ตบอร์ดอยู่แล้ว ส่วนอาการที่ได้รับบาดเจ็บเป็นอย่างไรนั้นต้องถามหมอ คิดว่าหมอน่าจะด่าตนที่ออกมาเหมือนกัน เนื่องจากต้องไม่ให้บาดแผลโดนละอองฝุ่นหรือน้ำเด็ดขาด

ถึงแม้ว่าจะตาบอดข้างหนึ่ง ตนกลับรู้สึกว่า จะให้ต้องมานั่งซึมเศร้าหรือเป็นง่อยนั้นคงไม่ใช่ เราก็ต้องกลับมาใช้ชีวิตของเราให้เร็วที่สุด ส่วนอาการบาดเจ็บแพทย์ก็ทำการรักษาต่อไป

เมื่อถามถึงแนวทางการเคลื่อนไหวหลังจากนี้นั้น นายธนัตถ์ กล่าวว่า ขอให้แยกเป็น 2 เรื่อง กรณีที่ครอบครัวของตนเองจะฟ้องร้อง เป็นเรื่องของครอบครัวและของตนเอง อันนั้นต้องคุยกับทนายความ ส่วนการเคลื่อนไหนทางการเมือง ยังเต็มร้อยเผลอๆ จะมากกว่า 100 ด้วยซ้ำ เพราะว่าทางนี้จะแพ้ไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือสื่อมวลชน เพื่อนของผม เพนกวิ้น พริษฐ์ ชิวารักษ์ ไม่ทราบชะตากรรม ไม่รู้ว่าป่วยหนักขนาดไหนอยู่ในเรือนจำ ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ออกมาอยู่ในโรงพยาบาล กรณีดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ นอกนี้ก็ยังมีคนอื่นๆ ที่เป็นเพื่อนเราพี่น้องเรา หรือผู้ป่วยในเรือนจำเอง ตอนนี้ก็ไม่ทราบว่าได้รับการดูแลขนาดไหน

“กรณีน้องเยาวชนอายุ 15 ปี และเยาวชนอีกอายุ 14 ปีที่ถูกยิงด้วยกระสุนจริงหลังผมได้รับบาดเจ็บไม่กี่วัน ตนก็ไม่ทราบชะตากรรม ไม่ทราบข่าว อยากช่วยเหลือเยียวยาครอบครัว อยากให้ทุกช่วยเหลือ นอกจากนี้มีคนส่งข้อความถามตนในเฟซบุ๊กมากมาย หลังจากกรณีตนเองเจ้าหน้าที่ตำรวจคฝ. กระทำการรุนแรง ใช้อาวุธปืนลูกซองไม่รู้ยิงอะไรออกมา มีผู้บาดเจ็บเยอะ

บอกเลยว่าต่อให้ผมสูญเสียตาไปข้างนึง ชีวิตผมอยากที่บอกยังไงผมก็สบาย แต่คนที่ได้รับผลกระทบชีวิตอาจจะไม่เป็นเหมือนเดิมแล้วทีผลต่อรายได้การใช้ชีวิตในอนาคต อันนี้เราต้องคอยให้กำลังใจและสนับสนุนให้มาลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง ขอฝากให้สื่อมวลชนให้การดูแลคนกลุ่มนี้มากกว่าผม” ลูกนัท กล่าว

เมื่อถามถึงสถานการณ์บริเวณสามเหลี่ยมดินแดงนั้น นายธนัตถ์ กล่าวว่า ตนรู้สึกเป็นห่วง เราไม่อยากให้คิลลิ่งโซน (killing zone) เกิดขึ้น แต่ต้องบอกตรงๆ ว่า คนเดียวที่จะสามารถจะจัดรูปแบบสถานการณ์ (decorate) หรือลบสถานการณ์ความรุนแรงตรงนั้นได้ คือเจ้าหน้าที่และผู้มีอำนาจทุกคนที่ออกคำสั่ง ท่านพร้อมถอยประชาชนก็พร้อมถอย ประชาชนมือเปล่าๆ ไม่มีใครอยากไปหาเรื่องให้บาดเจ็บล้มตายอยู่แล้ว มันปัญญาอ่อนไม่มีใครอยากทำ

ทุกคนยากเตะบอลเล่นสเก็ตบอร์ดแถวนี้ ทุกคนอยากมีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้ฉีดวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ มานั่งกินข้าวในร้านอาหาร สังสรรค์เพื่อนๆ ออกไปจับสาวมีความสุข ออกไปเดินห้าง ออกไปเดินสวนสาธารณะเล่นกีฬา กลับไปเรียนในโรงเรียนกับเพื่อนๆ อยากมีชีวิตปกติ มีแต่ภาครัฐเท่านั้นที่จะทำได้

ส่วนจะเข้ามาเป็นแกนนำในกลุ่มหมู่บ้านทะลุฟ้า หรือไม่ ตนขอเป็นแนวร่วมผู้สนับสนุนใครที่พร้อมจะต่อสู้ เพื่อประชาธิปไตยโดยสันติวิธี ยืนยันกับตนใช้สันติวิธีตนพร้อมสนับสนุนเต็มที่ ใครที่บาดเจ็บเดือดร้อน โดนจับตำรวจก็พร้อมช่วยเหลือเท่าที่กำลังจะพอทำได้

ส่วนคำว่าแกนนำวันนี้ม็อบยังไม่มีแกนนำ และเราจะรักษาการไม่มีแกนนำเอาไว้ให้เป็นธรรมชาติของม็อบรูปแบบนี้ คงไม่จำเป็นต้องมีใครขึ้นมาเป็นแกนนำเหมือนสมัยก่อน โดยเฉพาะคนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นนักการเมืองคงเป็นอะไรที่ไม่จำเป็น ให้เจตนารมณ์ของประชาชนเป็นแกนนำและทุกคนทำตามภายใต้สันติวิธี ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าหลักการที่ถูกต้องคืออะไร เราก็กำลังทำสิ่งนั้นกันอยู่

ทั้งนี้ ธนัตถ์ ปราศรัยตอนหนึ่ง ระบุว่า ที่สื่อบางสื่อพยายามบอกว่าที่ออกมาเนี่ย ตาไม่บอดจริง ท้าให้มาถ่างตาผมดู ยืนยันว่าที่ออกมาเพราะกำลังใจมันล้นเหลือและกิจกรรมน่ามา ผมไม่คิดว่าประวัติศาสตร์ไทยจะมีการจัดเล่นสเก็ตที่อนุสาวรีย์ฯ ม็อบไม่จำเป็นต้องมีแต่การปะทะ เรามารวมตัวทำกิจกรรมสร้างสรรค์ก็ได้