อรรถวิชช์ขออย่าโยกงบ 16,300 ล้านไปงบกลาง แนะโยกไปกาชาด-4 องค์กร สู้โควิด

‘อรรถวิชช์’ เสนอเพิ่มงบสภากาชาดไทยและ 4 องค์กรจัดการโรคระบาด หาวัคซีน-ฟาวิพิราเวียร์สู้โควิด ขออย่าโยกงบ 16,300 ล้านไปงบกลาง

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวถึงมติที่ประชุม กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ที่ตกลงตัดงบประมาณ 16,300 ล้านบาท จากรายการอื่นๆ แล้วไปเพิ่มให้งบกลางของรัฐบาล ว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง เหมือนการให้เงินไปใช้ทั้งที่ไม่มีแผนงานโครงการ เพราะเวลา 1 ปีกว่าที่ผ่านมานี้ รัฐบาลมีเงินจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทเมื่อปีที่แล้ว และที่กู้เพิ่มอีก 5 แสนล้านบาท แต่ปัญหาตอนนี้คือ “ระบบราชการรวมศูนย์” เงินมีแต่ใช้ไม่เป็น ระบบล่าช้า ระเบียบรุงรัง ไม่ตอบโจทย์สถานการณ์วิกฤต จึงอยากเสนอให้แปรญัตติงบประมาณไปไว้ในองค์กรที่เกี่ยวข้องโดยตรง 5 หน่วยงาน ประกอบด้วย 1.สภากาชาดไทย 2.ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ 3.กรมควบคุมโรค 4.องค์การเภสัชกรรม 5.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ

“หน่วยงานทั้ง 5 มีอำนาจทะลุกรอบปกติในยามวิกฤตโควิด ตามที่ ศบค.ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ทั้งงานจัดหาวัคซีน การผลิตและส่งยาฟาวิพิราเวียร์ให้กับผู้ติดเชื้อ ถ้ามีงบชัดด้วยเชื่อว่างานเดิน โดยเฉพาะ ‘สภากาชาดไทย’ ที่มีวัฒนธรรมจิตอาสา มีประสบการณ์ในการรับมือวิกฤตทั้งสงครามและโรคระบาดมา 128 ปีแล้ว ตั้งแต่วิกฤตการณ์ ร.ศ.112 ไทย-ฝรั่งเศสโรคระบาดอหิวาตกโรค ไข้ทรพิษ กาฬโรค” นายอรรถวิชช์กล่าว

เลขาธิการพรรคกล้ากล่าวด้วยว่า เป็นเรื่องเหลือเชื่อว่าในวิกฤตโรคระบาดแต่องค์กรเหล่านี้กลับถูกปรับงบลดลงจากปีที่แล้ว ได้แก่ สภากาชาดไทย ถูกปรับลด 606 ล้านบาท, ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ถูกปรับลด 1,990.9 ล้านบาท, กรมควบคุมโรค ถูกปรับลด 478.9 ล้านบาท, สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ถูกปรับลด 1.2 ล้านบาท, และองค์การเภสัชกรรม มีเงินทุนหมุนเวียนปี 2564 เพียง 2,650 ล้านบาทเท่านั้น จึงอยากให้ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลที่อยู่ใน กมธ.งบประมาณฯ ทบทวนมติแล้วจัดสรรงบให้องค์กรที่มีความพร้อมอย่างแท้จริง