แอมเนสตี้ชี้การสลายม็อบ-จับผู้ชุมนุม เผยให้เห็นความพยายามรัฐในการสร้างความหวาดกลัว

แอมเนสตี้ชี้ การสลายการชุมนุมและการพยายามจับกุมผู้ชุมนุม เผยให้เห็นความพยายามของรัฐในการสร้างความหวาดกลัว

สืบเนื่องจากการสลายการชุมนุมโดยใช้กำลังจากเจ้าหน้าที่ในพื้นที่บริเวณโรงพยาบาลทหารผ่านศึก เขตดินแดง กรุงเทพ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา ทำให้ผู้ชุมนุมและผู้อยู่ใกล้เหตุการณ์ได้รับบาดเจ็บและมีผู้ชุมนุมอย่างน้อย 10 คนถูกจับกุมระหว่างและภายหลังการชุมนุม อีกทั้งในวันที่ 2 สิงหาคม ยังมีการจับกุมผู้ชุมนุมเพิ่มขึ้นด้านหน้าสโมสรตำรวจอีกอย่างน้อย 33 คน โดยหนึ่งในนั้นมีเยาวชนอายุ 17 ปี รวมอยู่ด้วย

นางปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เผยว่า การสลายการชุมนุมที่รุนแรงโดยการใช้กำลังจากเจ้าหน้าที่มุ่งเป้าเพื่อการปะทะและการจับกุมต่อผู้ชุมนุม ถือเป็นการปราบปรามอย่างเป็นระบบต่อกลุ่มหรือบุคคลที่เห็นต่างซึ่งออกมาใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบ ทั้งนี้การใช้กฎหมายอย่างมิชอบเช่นนี้ยังตอกย้ำข้อกังวลต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และกฎหมายที่คล้ายคลึงกันว่าเป็นเพียงข้ออ้างแบบเหมารวมและไม่ชอบด้วยกฎหมายตามหลักสิทธิมนุษยชน โดยอ้างการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ดังนั้นจึงต้องมีการยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินโดยทันที

“การสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งทำให้บุคคลในพื้นที่นั้นบาดเจ็บเป็นการบ่งบอกถึงการละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่อย่างสิ้นเชิง พ.ร.ก.ฉุกเฉินและกฎหมายใกล้เคียงถูกใช้เป็นเครื่องมือของเจ้าหน้าที่ในการจำกัดสิทธิของผู้ที่เห็นต่างและต้องการที่จะออกมาเรียกร้องเพื่อสิทธิของตนเอง

การจับกุมผู้ชุมนุมทั้งสองวันนี้ทำให้เห็นถึงความพยายามอย่างมากของรัฐที่จะสร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้ชุมนุมและผู้ที่เห็นต่างในสังคม โดยการเรียกร้องเพื่อสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียม รวมทั้งการเรียกร้องการเข้าถึงวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและทั่วถึง ควรเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องรับฟังจากประชาชน พร้อมทั้งนำข้อเรียกร้อง ข้อเสนอแนะและร้องเรียน รวมทั้งความทุกข์ยากของประชาชนไปปรับปรุงการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นไม่ใช่ใช้ดำเนินคดีเพื่อสร้างหวาดกลัวและทำให้คนในสังคมปิดปากเงียบ”

https://www.amnesty.or.th/latest/news/941/