เผยแพร่ |
---|
‘วิโรจน์’ อัด ‘บิ๊กตู่’ ไม่เข้าใจอันตรายโควิด ให้ตรวจซ้ำซ้อนหากใช้ชุดตรวจ ATK หวั่น ปชช.เข้าถึงการรักษาช้า
เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า
จากการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 64 ที่ระบุว่า
.
“…ถ้าตรวจ (ATK หรือชุดตรวจ Rapid AntigenTest) ครั้งแรกแล้วพบว่าติดเชื้อ รอสักระยะ สัก 7 วัน ไปอยู่ที่บ้าน หรืออะไรก็ได้ ให้แยกตัวจากคนอื่น แล้วให้มาตรวจอีกสักที ถ้า 2 ครั้งชัด ให้ไป Swab (ตรวจ RT-PCR) มันถึงจะไปสู่ระบบการรักษาพยาบาล ให้ยืนยันอีกทีตอน Swab ไม่งั้นถ้าทุกคนตรวจครั้งเดียวแล้วป่วยหมด ยอดต้องมาใหญ่ ไม่ได้ปกปิดเลยนะเนี่ย…” (ดูคลิปเต็ม: https://youtu.be/aq2HVqeURUs)
นี่เป็นการสัมภาษณ์ที่สะท้อนว่า
1) พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยศึกษา และไม่ได้เข้าใจถึงอันตรายของการติดเชื้อโควิด-19 เลยว่า ถ้าไวรัสลงปอด และเกิดภาวะปอดอักเสบแล้ว ผู้ป่วยจะมีอาการหนัก ต้องมีระยะเวลาในการตรองเตียงที่นานขึ้น และมีโอกาสสูงที่จะเสียชีวิต ที่สำคัญถ้ามีผู้ป่วยในกลุ่มสีเหลืองและสีแดงเป็นจำนวนมาก โคตรเสี่ยงที่จะทำให้ระบบสาธารณสุขล้มเหลวได้
2) ทั้งๆ ที่กรมการแพทย์ ก็ได้ออกแนวเวชปฏิบัติ เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 64 ที่ผ่านมา (https://covid19.dms.go.th/Content/Select_Landding_page…) โดยมีสาระสำคัญ คือ
– ผู้ที่ตรวจด้วยชุดตรวจ ATK แล้วพบว่าติดเชื้อ จะต้องได้รับการดูแลเสมือนผู้ป่วย เพราะปัจจุบันความแม่นยำของผลตรวจที่เป็นบวก ของชุดตรวจ ATK นั้นมีความแม่นยำใกล้เคียงกับ RT-PCR ถึง 90% (https://www.thairath.co.th/news/society/2140956)
– กรมการแพทย์ แนะนำให้แพทย์พิจารณาจ่ายยา Favipiravir ให้กับผู้ติดเชื้อ ได้รับยาโดยเร็ว โดยเฉพาะผู้ติดเชื้อที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ซึ่งได้แก่ กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มที่มีน้ำหนักตัวมาก และกลุ่มที่มีโรคประจำตัว
– ยา Favipiravir จะมีประสิทธิผลดี หากผู้ติดเชื้อได้รับยาภายในระยะเวลา 4 วัน นับจากวันที่เริ่มมีอาการ
แทนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะออกคำสั่งให้ลดขั้นตอนต่างๆ เพื่อให้ประชาชนผู้ติดเชื้อเข้าถึงยา และการรักษาให้เร็วที่สุด เพื่อลดอัตราการป่วยหนัก และเสียชีวิต พล.อ.ประยุทธ์ กลับมีความคิด พี่จะเพิ่มขั้นตอน โดยให้ผู้ที่ตรวจ ด้วยชุดตรวจ ATK แล้วพบว่าติดเชื้อ ไปดูแลตัวเองตามยถากรรมถึง 7 วัน แล้วจึงมาตรวจซ้ำ แล้วยังต้องตรวจด้วยวิธี RT-PCR อีก
นี่คือความคิดที่จะปล่อยให้ประชาชนตายใช่หรือไม่
3) ความคิดของพลเอกประยุทธ์ ที่ระบุว่า ถ้าตรวจครั้งเดียว แล้วป่วยหมด ยอดต้องมาใหญ่ นี่สะท้อนชัดเจนว่า จิตใจของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้มีความเป็นห่วงในชีวิตของประชาชนเลย ซึ่งสอดคล้องกับที่ รมช.สาธารณสุข ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่า “อาจจะมีประชาชนที่โชคร้ายบ้าง ที่ต้องเสียชีวิตที่บ้าน”
จิตใจของ พล.อ.ประยุทธ์ มีแต่กลัวประชาชนจะรู้ความจริงว่าผู้ติดเชื้อในแต่ละวันมีแต่จะเพิ่มสูงขึ้น และนับวันมีแต่จะเพิ่มขึ้นสะสมเป็นจำนวนมาก
แทนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะคิดที่หาวิธี ที่จะลดการติดเชื้อลง ลดอัตราการการสูญเสียชีวิตของประชาชนลง พล.อ.ประยุทธ์ กลับคิดจะเพิ่มขั้นตอนต่างๆ เพื่อหวังที่จะกดตัวเลข บิดเบือนให้จำนวนผู้ติดเชื้อลดลง
การสัมภาษณ์นี้ของ พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้ประชาชนหวนนึกถึงคำสั่งของกระทรวงสาธารณสุข ที่ไม่ให้นับผู้ที่ตรวจด้วยชุดตรวจ ATK แล้วผลเป็นบวก เป็นกลุ่มป่วย และไม่ต้องรายงานเข้ามาในระบบ ซึ่งต่อมา เมื่อมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม จึงมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่ง ให้รายงานเป็น Probable case เมื่อนำมาผนวกกับจำนวนตรวจ RT-PCR ที่รัฐบาลไม่ยอมเพิ่ม Capacity ในการตรวจเพิ่มขึ้น แทบจะตรวจคงที่ที่ระดับ 70,000 รายต่อวัน ทั้งๆ ที่การระบาดของโรคหนักมากขึ้นอยู่ทุกวัน ประชาชนก็มีสิทธิที่จะสงสัยว่า รัฐบาลพยายามที่จะปิดบังอำพรางตัวเลขผู้ติดเชื้อหรือไม่
ผมยืนยันว่า วิธีคิดของ พล.อ.ประยุทธ์ ตามที่ได้ให้สัมภาษณ์ เป็นความคิดที่ไม่มีความเข้าใจในตัวโรคระบาดเลย และถ้าทำตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ จะมีประชาชนต้องถูกทิ้งให้ป่วยหนัก จนตายคาบ้าน หรือตายกลางถนน อีกเป็นจำนวนมาก
ให้ประชาชนที่ติดเชื้อ ได้เข้าถึงยา และการรักษา เพื่อช่วยชีวิตของพวกเขา ได้โดยทันทีเถิดครับ พล.อ.ประยุทธ์