เผยแพร่ |
---|
‘ชัยธวัช’ จี้ ‘ประยุทธ์’ ยกเลิกข้อกำหนดปิดปากสื่อ ‘ทันที’ แซะ โม้ฉีดวัคซีน 100 ล้านโดสต่างหากเป็นเฟคนิวส์กระทบ ค.มั่นคง เตือนอย่ากดหัว ปชช.ให้ฮึดสู้โดยไม่แคร์ กม.
เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ที่ทำการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ย่านหัวหมาก นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรค ก.ก. ร่วมแถลงข่าวกรณีประกาศข้อกำหนด ฉบับที่ 29 ออกความตามมาตรา 9 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนและประชาชนในการแสดงความคิดเห็น
โดยนายชัยธวัชกล่าวว่า พรรค ก.ก.มีความเห็นต่อกรณีดังกล่าว ดังนี้ 1.การระบาดของเชื้อโควิด-19 ในปัจจุบันวิกฤตรุนแรงกว่าที่ควรจะเป็น เนื่องจากการบริหารที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรงของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเจตนาแทงม้าตัวเดียวเรื่องวัคซีน และความบกพร่องในการยกระดับระบบสาธารณสุขให้เตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่แย่ที่สุด ไม่ได้เกิดจากการนำเสนอข่าวสารของสื่อมวลชนและการแสดงความคิดเห็นของประชาชนแต่อย่างใด
“เมื่อสถานการณ์การระบาดเข้าขั้นวิกฤต แทนที่รัฐบาลจะใช้อำนาจเร่งแก้ไขข้อบกพร่อง ผิดพลาดของตนเองในอดีต และสื่อสารกับประชาชนด้วยข้อมูลที่รอบด้าน ชัดเจน ไม่สับสน รัฐบาลกลับมองสื่อมวลชนและประชาชนเป็นภัยความมั่นคง เป็นศัตรู และใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินจำกัดการเสนอข่าวสารอย่างรอบด้าน มีเจตนาจะปิดกั้นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชน จะเห็นได้ชัดจากการออกข้อกำหนดฉบับที่ 29 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังคงดึงดันที่จะลิดรอนเสรีภาพของประชาชนและสื่อมวลชนต่อไป”
นายชัยธวัชกล่าวต่อว่า 2.การกำหนดข้อห้ามในลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นแล้วตั้งแต่ข้อกำหนดฉบับที่ 27 ที่ออกเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2564 แม้จะมีเสียงคัดค้านเป็นวงกว้างจากประชาชน นักวิชาการ รวมถึง 6 องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ที่เห็นว่าเป็นการใช้อำนาจเกินเจตนารมณ์ของกฎหมาย แต่รัฐบาลก็ไม่ได้รับฟัง ยังคงเนื้อหาข้อห้ามไว้เช่นเดิมในข้อกำหนดฉบับล่าสุด และยังมอบหมายให้ กสทช.สามารถระงับการให้บริการอินเตอร์เน็ตแก่ผู้เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร เรื่องนี้เป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 36 ที่ได้รับรองเสรีภาพของบุคคลในการสื่อสารไม่ว่าทางใดๆ
และ 3.พรรค ก.ก.เคยเตือน พล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาลตั้งแต่ก่อนประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2563 ว่าหัวใจสำคัญในการแก้ไขการแพร่ระบาดโควิด-19 ไม่ใช่อำนาจพิเศษตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่เป็นการมียุทธศาสตร์ที่ชัดเจน การบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ การวางแผนอย่างรอบคอบ เตรียมความพร้อมและประเมินผลกระทบอย่างรอบด้าน รวมถึงการสื่อสารที่ชัดเจน หนักแน่น การเปิดเผยข้อเท็จจริงกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมา
นายชัยธวัชกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังเคยกำชับรัฐบาลไว้ว่าต้องไม่ฉวยโอกาสใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินตามอำเภอใจ ลิดรอนสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชนและการแสดงออกของประชาชน ต้องใช้อำนาจอย่างจำกัดและระมัดระวัง เพื่อวัตถุประสงค์ควบคุมการระบาดเท่านั้น เนื่องจากข้อมูลข่าวสารที่รอบด้านมีความสำคัญมากในช่วงวิกฤต เพื่อให้ประชาชนเท่าทันกับสถานการณ์ที่เป็นจริงและสามารถตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้
แต่ตลอดระยะเวลา 1 ปี 4 เดือนที่ผ่านมา ที่มีการประกาศและต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมาแล้ว 14 ครั้ง เรากลับเห็นรัฐบาลเน้นการใช้อำนาจตามกฎหมายพิเศษนี้ ในการปราบปรามการแสดงออกทางการเมืองของประชาชนเป็นหลัก ขณะที่เรื่องที่เกี่ยวกับการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาวัคซีนให้เร็วที่สุด การอนุมัติยา เครื่องมือทางสาธารณสุข อุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นในการดูแลผู้ติดเชื้อ ซึ่งควรจะได้รับประโยชน์จากการรวมศูนย์อำนาจการบริหารจัดการ แต่ในทางปฏิบัติยังติดหล่มกับระเบียบราชการเหมือนเดิม และหลายครั้งไม่มีหน่วยงานรับผิดชอบที่ชัดเจน
“พรรค ก.ก.ขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ยกเลิกข้อกำหนดฉบับที่ 29 ทันที และยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้วกลับไปรับมือแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 อย่างจริงจังภายใต้ระบบกฎหมายปกติ โดยรัฐบาลที่จะสามารถแก้ไขวิกฤตครั้งนี้ได้คงไม่ใช่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์อีกต่อไปแล้ว เพราะวันนี้พิสูจน์แล้วว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นภาระอันหนักอึ้งสำหรับประชาชน บนชีวิตและความสูญเสียทางเศรษฐกิจให้กับความผิดพลาดที่ให้อภัยไม่ได้อีกแล้วสำหรับรัฐบาลชุดนี้” นายชัยธวัชกล่าว
เมื่อถามว่าในข้อกำหนดที่ระบุว่าห้ามนำเสนอข้อความที่ทำให้ประชาชนหวาดกลัว ในกรณีร้ายแรงที่สุดหากสื่อไม่สามารถนำเสนอความจริงได้ เพราะจะทำให้ประชาชนหวาดกลัว จะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศ นายชัยธวัชกล่าวว่า เราเน้นย้ำหลายครั้งว่า ข้อมูลข่าวสารที่ครบถ้วนรอบด้านที่สุดเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ประชาชนและสังคมเข้าใจว่าเราอยู่ในสถานการณ์แบบใด ซึ่งจะนำไปสู่มาตรการในการคลี่คลายวิกฤต และอยู่ร่วมกันในสถานการณ์วิกฤตได้ดีที่สุด ถ้ามาตรการใดๆ ที่ออกมาบนพื้นฐานข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน ประชาชนไม่รู้ว่าสถานการณ์จริงเป็นอย่างไร เราจะไม่สามารถก้าวพ้นวิกฤตไปได้เลย แทนที่รัฐบาลจะมาพุ่งเป้าว่าข้อมูลข่าวสารหรือเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนผ่านโซเชียลมีเดียเป็นเฟคนิวส์ และทำให้การแก้ไขวิกฤตโควิด-19 ผิดพลาด
คำถามคือ วันนี้รัฐบาลต่างหากที่เป็นผู้ผลิตเฟคนิวส์หรือไม่ ซึ่งเฟคนิวส์ของรัฐบาลส่งผลสำคัญที่สุดในการแก้ไขปัญหาวิกฤต วันนี้เราเชื่อหรือไม่ว่าข้อมูลเรื่องจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตตรงกับข้อเท็จจริง หรือมีเจตนาควบคุมตัวเลขให้ต่ำกว่าความเป็นจริง หากประชาชนหรือสื่อมวลชนตรวจสอบไม่ได้ว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ หรือมีการตั้งคำถามพูดถึงแหล่งข้อมูลอื่นเพื่อนำมาตรวจสอบวิพากษ์วิจารณ์แล้วถูกดำเนินคดี สิ่งนี้ก็ไม่นำไปสู่การรับรู้สถานการณ์ที่เป็นจริง นอกจากนี้เฟคนิวส์อีกเรื่องที่สำคัญคือเรื่องวัคซีน รัฐบาลยังคงยืนยันว่าปีนี้เราจะได้ฉีดวัคซีน 100 ล้านโดส สิ่งนี้เป็นเฟคนิวส์หรือไม่ มีข้อเท็จจริงยืนยันหรือไม่ว่าปีนี้เราจะได้ฉีดวัคซีน 100 ล้านโดส เฟคนิวส์ประเภทนี้ต่างหากที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประชาชน
เมื่อถามว่ามองว่าการออกกำหนดฉบับนี้สามารถปิดกั้นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนได้จริงหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า เจตนาการออกข้อกำหนดฉบับนี้เพื่อสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนจากการจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ตนเชื่อว่าประชาชนเลยเส้นที่จะกลัวรัฐบาลแล้ว ทุกวันนี้ประชาชนไม่พอใจรัฐบาลอย่างมากเพราะความผิดพลาดล้มเหลวของรัฐบาลกระทบกับชีวิต และเลือดเนื้อของพวกเขาและญาติพี่น้องของพวกเขา รวมถึงเศรษฐกิจ หากเป็นเช่นนี้รัฐบาลกำลังจะทำสงครามกับประชาชน เพราะคนที่ไม่กลัวก็ไปใช้กฎหมายดำเนินคดีมากขึ้นๆ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลก็ทำแต่ประชาชนก็ไม่กลัว และตนก็ยังเชื่อมั่นว่าสื่อมวลชนจะร่วมกันต่อต้านการใช้กฎหมายลักษณะพิเศษนี้จนถึงที่สุด