“ศิธา” เตือนรัฐบาลอย่าแก้วิกฤตโควิดแบบนกกระจอกเทศ ชวนปชช.ร่วมส่งเสียงให้ได้ยิน

วันที่ 29 กรกฎาคม 2564 นาวาอากาศตรี ศิธา ทิวารี ประธานคณะกรรมการอำนวยการและพัฒนาพรรค พรรคไทยสร้างไทย ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ของรัฐบาลที่เต็มไปด้วยปัญหาแต่รัฐบาลกลับมองว่าราบรื่น โดยถือว่ารัฐบาลแก้ปัญหาแบบนกกระจอกเทศว่า

การ #แก้ปัญหาแบบนกกระจอกเทศ
คือ #เรื่องต้องห้าม ที่รัฐบาลไม่ควรนำมาใช้ ในการบริหารวิกฤตของประเทศ ครับ..!!

ทฤษฎีหลบภัยแบบนกกระจอกเทศ ในสำนวนคำพังเพยของฝรั่งเปรียบเทียบว่า นกกระจอกเทศเมื่อมีภัยมา จะแก้ปัญหาด้วยการซุกหัวตัวเองลงไปใต้ผืนทราย และเชื่อแบบผิดๆว่า เมื่อมองไม่เห็นปัญหา ก็แปลว่าไม่มีปัญหา

ซึ่งสำหรับนกกระจอกเทศ คำพังเพยนี้ไม่เป็นความจริงนะครับ ถ้าตัวใหญ่แล้วยังโง่ขนาดนั้น ป่านนี้คงสูญพันธุ์จากโลกนี้ไปนานแล้ว เรื่องจริงคือในกรณีที่มีภัยมา นกกระจอกเทศจะฉลาดพอ ที่จะใช้วิธีวิ่งหนีหรือใช้เท้าเตะสู้มากกว่า

(ห่วงแต่ ค.คนในบ้านเมืองเรานี่แหละ ว่าจะฉลาดน้อยกว่านกกระจอกเทศ และนำวิธีการบ้องตื้นตามคำพังเพยนี้ มาใช้บริหารวิกฤตจนพวกเราเดือดร้อนกันถ้วนหน้า หรือเปล่า?)

ช่วงที่ผ่านมาเรามักจะได้ยินคนสงสัย และพูดอยู่เรื่อยๆว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตตามข่าวที่ออกมานั้น ต่ำกว่าความเป็นจริงหรือไม่?

เราได้ยินแม้กระทั่งข่าวว่า คุณหมอจากโรงพยาบาลใหญ่ ออกมาพูดว่าตรวจพบผู้เสียชีวิตที่รายงานว่าเสียด้วยโรคอื่น แต่เมื่อตรวจสอบกลับพบว่าผู้เสียชีวิตหลายคนติดเชื้อโควิดด้วย..!!

ในกรณีที่เราเริ่มสงสัย หรือรู้สึกว่าจริงหรือไม่? ที่สังคมที่เราอยู่ร่วมทุกวันนี้ กำลังปกปิดปัญหา, ไม่ยอมรับความจริง, ไม่ยอมตรวจเชื้อกลุ่มเสี่ยง, มีการปรับแต่งตัวเลขผู้ติดเชื้อหรือผู้เสียชีวิต รวมถึงการปิดหูปิดตาประชาชน โดยการประกาศใช้กฎหมายเพื่อมาริดรอนสิทธิของประชาชน หรือไม่?

หากเรามีข้อสงสัยร่วมกัน ผมเชื่อว่า
“คนไทยทุกคน มีสิทธิ์ที่จะตรวจสอบ และหาทางป้องกัน ทฤษฎีการ #แก้ปัญหาแบบนกกระจอกเทศ ไม่ให้ถูกนำมาใช้ในบ้านเมืองของเรา” ครับ

เพื่อให้แก้ไขปัญหาโควิด-19 ที่เกิดขึ้น เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งที่ที่รัฐบาลพึงกระทำคือ ต้องเปิดให้มีการตรวจเชื้อหาผู้ป่วยโควิด แบบปูพรมตรวจให้เยอะที่สุด ซึ่งเรื่องนี้ แม่หน่อย (คญ.สุดารัตน์ฯ) เพียรพยายามพูดมานับ 100ครั้ง พูดมาปีกว่าแล้วว่าต้องทำ!! แต่รัฐบาลไม่เคยคิดที่จะทำเลย

นอกจากรัฐบาลจะไม่เร่งดำเนินการตรวจโควิด เพื่อหาผู้ติดเชื้อให้ได้เยอะที่สุดแล้ว ยังมีการออกกฎอีกว่า โรงพยาบาลไหนตรวจพบคนเป็นโควิด แล้วไม่รับรักษาพยาบาล รพ.นั้นจะมีความผิด จึงเป็นเหตุให้โรงพยาบาลที่ไม่มีเตียงว่างแล้ว จะไม่ค่อยรับตรวจโควิด หรือรับตรวจเฉพาะเคสที่หนักมากจริงๆเท่านั้น

การตรวจให้เยอะที่สุด อาจทำให้พบผู้ติดเชื้อเยอะกว่าปัจจุบันหลายเท่า มีข้อเสียคือรัฐบาลอาจเห็นว่าเป็นการเสียหน้า ที่รัฐบาลควบคุมโรคได้ไม่ดีพอทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อสูง

แต่ข้อดีคือ ประชาชนจะสามารถแยกผู้ติดเชื้อ ออกจากคนปกติได้เยอะขึ้น ซึ่งจะทำให้การควบคุมโรคได้ผลดีกว่าในปัจจุบันนี้มาก

ผมขอยืนยันไว้ตรงนี้เลยครับว่า…

“ถ้าคนไทยยังเข้าถึงการตรวจโควิดเบื้องต้นได้ยากขนาดนี้ ประเทศเราจะไม่สามารถควบคุมโรคโควิด และเปิดประเทศได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้ และเราจะต้องทนทุกทรมานกับโควิด19 แบบนี้ไปอีกนาน ในขณะที่ประเทศอื่น ที่พลเมืองเข้าถึงการตรวจได้ง่ายกว่า รวมถึงจัดหาวัคซีนที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพดีกว่า เขาใกล้จะกลับมาใช้ชีวิตตามปกติกันได้หมดแล้ว”

อยากให้พวกเราช่วยกันประสานเสียง ร่วมกันทำให้เสียงอันเบาหวิวของประชาชนดังขึ้น โดยร่วมกันพูดให้ได้ยินไปถึงหูของคนในรัฐบาล ให้รับดำเนินการตามข้อเรียกร้องจากประชาชนผู้เดือดร้อนร่วมกัน ดังนี้ครับ

1. คนไทยทุกคน ควรมีสิทธิ์เข้าถึงการตรวจโควิดได้ฟรี หรือถ้าจะต้องเสียเงิน ก็ไม่ควรเกินเคสละ 30 บาท ดังเช่นนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ที่รัฐบาลอื่นในอดีตเคยทำสำเร็จมาแล้ว และ ถูกกำหนดให้เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมืองไทยมาจนทุกวันนี้

2. เลิกเลือกที่รักมักที่ชังเรื่องวัคซีน ไม่ผูกขาดวัคซีนอยู่เพียง 2ยี่ห้อ รีบจัดหาวัคซีนดีๆที่มีประสิทธิภาพสูงที่(เด็กอมมือมันยัง)รู้อยู่แล้ว ว่ามียี่ห้อใดบ้างที่คนไทยอยากได้ เหมือนที่คนประเทศอื่นทั่วโลกเขาได้ฉีดกัน และที่สำคัญ…

รัฐบาลต้องจัดหามาให้ประชาชนไทยได้ฉีดฟรี โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดใดทั้งสิ้น อันเป็นบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ฉบับที่หัวหน้า คสช.ซึ่งเป็นคนเดียวกับนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน เป็นผู้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อร่างรัฐธรรมนูญเอง

ขอเรียกร้องเบาๆเท่าที่จำเป็นแค่สองข้อนี้ก่อน ซึ่งเมื่อคำนวณดูแล้ว ใช้งบประมาณจากภาษีอากรของพี่น้องประชาชนน้อยมาก เมื่อเทียบกับเงินกู้นับล้านล้านบาท ที่รัฐบาลกู้มาใช้แก้ปัญหาโควิด โดยที่สถานการณ์ในประเทศไทยไม่ได้ดีขึ้น แต่กลับแย่ลงทุกวัน โดยสวนทางกับสถานการณ์ของประเทศที่เจริญแล้วทั่วโลก ที่กำลังฟื้นตัวจากโควิด เตรียมที่จะกลับมาใช้ชีวิตกันตามปกติได้แล้ว

หากมีผู้หลักผู้ใหญ่ในรัฐบาล ได้ยินข้อเรียกร้องนี้แล้ว จะทำหรือไม่ทำขอให้ประกาศออกมาให้ชัดครับ

จะเลือกที่จะทำตามข้อเสนอที่ประชาชนร้องขอ

หรือ จะแก้ปัญหาแบบนกกระจอกเทศ โดยกลบเกลื่อนมองไม่เห็นปัญหา ไปวันๆครับ