จิราพร ซัดรบ.ทำวิกฤตซ้อนวิกฤต ซ้ำใช้กม.ปิดปาก ถามรู้ร้อนรู้หนาวความเดือดร้อน ปชช.ไหม?

‘ส.ส.น้ำ’ อัด รบ.ทำวิกฤตซ้อนวิกฤต ซ้ำใช้กม.ปิดปาก ลั่น ถ้าไม่พูดจะรู้ร้อนรู้หนาวกับความเดือดร้อนของปชช.ไหม?

เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 ที่สร้างผลกระทบกับพี่น้องประชาชนทั่วประเทศแสนสาหัส แต่รัฐบาลยังบริหารจัดการจนเกิดวิกฤตซ้อนวิกฤต สร้างข้อกังขาให้กับประชาชนมากมาย แม้จะมีการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยอ้างว่าเพื่อการบริหารจัดการวิกฤตโควิด-19 แต่ดูเหมือนว่าการบังคับใช้กฎหมายส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นไปเพื่อบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน กลับเป็นไปเพื่อควบคุมผู้เห็นต่างทางการเมือง และปิดปากประชาชนไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ขณะที่แม้จะมีการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินยาวนานมากกว่า 1 ปี แต่กลับเกิดการระบาดของโควิด-19 ติดต่อกันถึง 3 ระลอก

โดยสาเหตุของการระบาดมีคนของรัฐบาลเกี่ยวข้องด้วยทุกครั้ง และพบปัญหาการบริหารจัดการที่ล่าช้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเยียวยา การจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ การจัดหาวัคซีน ที่ไม่ทันกับความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ที่ผู้ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างจะทยอยออกมาส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง จนเกิดกระแสว่า ‘รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ขับเคลื่อนการทำงานด้วยการด่า’ หากประชาชนไม่ออกมากดดันเรียกร้องรัฐบาลก็จะไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับความเดือดร้อนของประชาชน

“เช่นกันกับกรณีที่มีดารานักแสดงออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลยืนยันว่าเป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่สามารถกระทำได้ภายใต้สังคมระบอบประชาธิปไตย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะผู้นำประเทศและกินเงินภาษีของประชาชน ต้องรู้จักเปิดใจกว้างรับฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชน ไม่ใช่มุ่งแต่ใช้กฎหมายจัดการกับผู้ที่ออกมาแสดงความเห็นด้วยเจตนาดีที่อยากให้รัฐบาลบริหารจัดการที่ดีขึ้น แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดและทันท่วงที อย่าเคยชินกับการใช้อำนาจข่มขู่ประชาชนเหมือนสมัยที่เป็นหัวหน้าคณะรัฐประหารในอดีต เพราะวิธีการนี้ไม่เคยทำให้ปัญหาได้รับการแก้ไข มิหนำซ้ำยังจะเป็นการเติมเชื้อไฟทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง” น.ส.จิราพร กล่าว