“โอม Cocktail” ร่วมสะท้อนปัญหาเรียนออนไลน์ ขออย่าให้เด็กเสียโอกาสไปมากกว่านี้

นักร้องดังร่วมสะท้อนปัญหาเรียนออนไลน์ ขออย่าให้เด็กเสียโอกาสไปมากกว่านี้ด้วยการบริหารจัดการที่ผิดพลาดเลยครับ

“โอม” ปัณฑพล ประสารราชกิจ หรือ โอม Cocktail ศิลปินดัง แสดงความเห็นร่วมสะท้อนปัญหา การเรียนออนไลน์ ผ่านเพจเฟซบุ๊ก OHM Cocktail ระบุว่า

การเรียนออนไลน์ มีน้องคนหนึ่งส่งข้อความมาหาบอกเล่าถึง ปัญหาที่พบเจอในการเรียนออนไลน์ และขอให้ผมช่วยพูดถึงในประเด็นดังกล่าว ผมรู้สึกว่าสิ่งที่น้องพูดมาน่าสนใจและรู้สึกชื่นชมในการวิเคราะห์ปัญหาของของน้อง ผมจึงขออนุญาตขยายความต่อมาอีกนิด

ในสถานการณ์ไม่ปกติเช่นขณะนี้จริงอยู่ว่าการเรียนการสอนควรที่จะต้องดำเนินต่อไปเพื่อไม่ให้การได้รับความรู้ของเด็กขาดตอน แต่ผมเองในฐานะที่เคยเป็นผู้ช่วยอาจารย์และยังคงเป็นอาจารย์พิเศษจนวันนี้ก็เชื่อว่าวัตถุประสงค์สูงสุดของการศึกษาคือการที่เด็กได้รับความรู้ครบถ้วนเพียงพอที่จะนำไปต่อยอดให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเด็กเอง เพื่อช่วยให้เด็กมีโอกาสทดลองและค้นหาความถนัด,ความชอบของตน ไปจนถึงการได้รับความรู้ในลักษณะที่ส่งเสริมจุดเด่นของตัวเองให้เติบโตยิ่งๆขึ้น

ในโอกาสนี้เราอาจจำเป็นที่จะต้องทบทวนรูปแบบการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับสถานการณ์มากยิ่งขึ้นโดยคำนึงถึงปัจจัยที่เปลี่ยนไปมากกว่าแค่การเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนปกติมาฉายผ่านระบบออนไลน์เฉยๆ

การออกจากบ้านไปไหนมาไหนไม่ได้ การต้องนั่งลำพังจ้องอยู่กับหน้าจอ รวมถึง สถานการณ์ต่างๆในปัจจุบัน นั้นย่อมสร้างความเครียดให้กับตัวเด็กมากไปกว่าภาวะปกติ ปัจจัยเหล่านี้ควรถูกเอามาพิจารณาปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนด้วย การเรียนด้วยความคร่ำเครียดนั้นย่อมไม่ส่งผลดีต่อตัวเด็กและขัดต่อประโยชน์สูงสุดของตัวเด็กในการที่จะได้รับความรู้อย่างมีคุณภาพ และเราต่างทราบกันดีกว่าการอัดปริมาณลงไปไม่ใช่เรื่องของคุณภาพแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามในฐานะผู้สอนก็เข้าใจว่าภาระในการสอนทำได้ยากขึ้นมากในการเรียนการสอนแบบออนไลน์ซึ่งผมพบปัญหากับตัวเองเช่นกัน ดังนั้นผมเองที่ผ่านมาก็ต้องพยายามปรับรูปแบบการสอนให้ง่ายต่อความเข้าใจ, กระชับและมุ่งเน้นผลลัพธ์มากกว่าพยายามรักษาวิธีการสอนเดิมๆไว้ทั้งนี้เพื่อให้ง่ายขึ้นสำหรับการสอนและง่ายขึ้นสำหรับเด็กด้วย

ผมเองมิอาจแนะนำอย่างเจาะจงว่าอย่างไหนดี เพราะคิดว่าในแต่ละโรงเรียนและในแต่ละคลาส ในเด็กแต่ละพื้นที่มีโจทย์ที่ต้องแก้แตกต่างกันไปในรายละเอียดเพื่อความเหมาะสม แต่ตราบใดที่เราเน้นผลลัพธ์ของการได้รับความรู้ของเด็กเป็นที่ตั้งมากกว่ายึดถือรูปแบบผมคิดว่ามันน่าจะดีขึ้นครับ ซึ่งอันที่จริงเรื่องนี้ผมเห็นว่าควรพิจารณาเปลี่ยนแปลงแม้ในเวลาที่เราสามารถกลับไปสู่การเรียนการสอนตามปกติได้แล้ว

อย่างไรก็ตามไม่มีอะไรดีไปกว่าเราได้กลับไปเรียนอย่างมีคุณภาพในสถานศึกษา ได้พบเจอและมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันจริงๆหรอกครับ อย่าให้เด็กต้องเสียโอกาสไปมากกว่านี้ด้วยการบริหารจัดการที่ผิดพลาดเลยครับ