“ประยุทธ์” ยันอีก! หาวัคซีนตามเป้าเกิน 100 ล้านโดสปีนี้ สั่งทุกกระทรวงเร่งแก้ปัญหา เดินหน้าเปิดประเทศ

“ประยุทธ์” ยืนยัน เดินหน้าเปิดประเทศตามเป้า 120 วัน ลั่นรัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาโควิด-เศรษฐกิจ จัดหาวัคซีนกระจายโควิดไม่ต่ำกว่า 100 ล้านโดสปีนี้

วันที่ 23 กรกฎาคม นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เน้นการทำงานร่วมกันในการตัดสินใจกำหนดแนวทางและมาตรการตามที่คณะอนุกรรมการชุดต่างๆ ที่ได้เสนอเข้ามาซึ่งเกี่ยวข้องกับทุกกระทรวง และเป็นความรับผิดชอบร่วมกันที่ทุกกระทรวงต้องดำเนินตามมาตรการอย่างทั่วถึง

นายอนุชากล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการใน 2 ส่วนพร้อมๆ กันคือ การควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยมีความจำเป็นที่ ศบค.และ ศบศ.จะต้องมีข้อมูลเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน เน้นการสื่อสารที่เข้าใจง่าย รวมทั้งติดตามผลการดำเนินงานโครงการภูเก็ตโมเดล และสมุยพลัสโมเดล ซึ่งเป็นการเดินหน้าตามเป้าหมาย 120 วันของรัฐบาลในการเปิดประเทศ ภายใต้ความปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยในระยะต่อไปจะมีการขยายโครงการต่อไปในพื้นที่ที่มีศักยภาพ รวมทั้งเร่งแก้ไขปัญหาการติดเชื้อไวรัสในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้ด้วย

นายอนุชากล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีเสนอในที่ประชุม ศบศ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้พิจารณาปรับปรุงมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายทั้ง โครงการคนละครึ่ง โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ หรือพิจารณานำ “ช้อปดีมีคืน” กลับมาใช้ เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน เร่งให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจตามเป้าหมายของโครงการ รวมทั้งยังอยากเห็นการจัดตั้งศูนย์รับเรื่องและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับมาตรการของรัฐ เพื่อช่วยเหลือประชาชนทั้งการลงทะเบียนออนไลน์เพื่อร่วมโครงการ ชี้แจงข้อสงสัย รับข้อร้องเรียนเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือต่างๆ ซึ่งจะเป็นการสร้างความเข้าใจในมาตรการรัฐในระดับพื้นที่ด้วย

“ขณะเดียวกันก็ขอให้ ศบศ.นำผลการหารือกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและภาคเอกชนในการประชุม 40 ซีอีโอพลัส มาขับเคลื่อนในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ร่วมฟื้นฟูประเทศร่วมกับภาคเอกชน ขณะเดียวกันก็ต้องเร่งส่งเสริมโมเดลเศรษฐกิจใหม่ๆ เช่น การดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้าประเทศไทย ผู้มีกำลังซื้อสูง ผู้เชี่ยวชาญ ผู้สูงอายุ เพื่อสนับสนุนกำลังซื้อภายในประเทศอีกทางหนึ่ง

“ทั้งนี้ ได้สั่งการในที่ประชุม ครม.ให้เร่งพิจารณาแผนงานของทุกกระทรวง ที่อยู่ภายใต้งบประมาณ ปี 2564 และ 2565 ที่เบิกจ่ายต่ำกว่าเป้าหมาย หากโครงการใดที่ติดขัดเพราะสถานการณ์โควิด-19 ก็สามารถชะลอได้ และพิจารณาการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐให้เกิดประโยชน์สูงสุด” นายอนุชากล่าว

นายอนุชากล่าวว่า สำหรับการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 นายกรัฐมนตรีเสนอให้มีการจัดตั้งสถานพยาบาลขนาดเล็ก ให้กระจายไปในทุกพื้นที่ ทุกเขต เพื่อรองรับผู้ป่วยติดเชื้อรายวัน ลดการแพร่เชื้อในครอบครัวและชุมชน โดยให้กระทรวงสาธารณสุขจัดหาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ที่จำเป็นโดยมุ่งจำกัดพื้นที่การแพร่ระบาด โดยเฉพาะในพื้นที่สีแดงเข้มเพื่อลดความสูญเสีย รักษาระบบสาธารณสุข นายกรัฐมนตรียังยืนยันแผนการจัดหาและกระจายวัคซีนตามเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 100 ล้านโดสในปีนี้ และขณะนี้ได้มีการอนุมัติการใช้ Antigen Test Kit ที่ได้รับการอนุญาตให้ประชาชนได้ใช้แล้วเพื่อเร่งตรวจหาเชื้อ การจัดหายาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) รวมถึงสมุนไพรไทย เช่น ฟ้าทะลายโจร ให้กระจายไปทุกจังหวัดตามลำดับความรุนแรง ปรับระดับเตียงเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้ป่วย รวมทั้งการจัดรถรับส่งผู้ป่วยให้เข้าถึงสถานพยาบาลในระดับต่างๆ ทั้งโรงพยาบาลสนามและศูนย์คัดกรองแรกรับอย่างเร่งด่วนด้วย โดยให้เป็นความรับผิดชอบของทุกหน่วยงานที่ต้องออกมาช่วยเหลือประชาชน และจะต้องไม่มีภาพประชาชนที่ถูกทอดทิ้ง

นายอนุชากล่าวว่า สำหรับที่ประชุม ศบศ.ได้มีการรับทราบการดำเนินการมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในพื้นที่นำร่อง ในโครงการภูเก็ตโมเดล และสมุยพลัสโมเดลรวม ทั้งยังได้มีการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้าสู่ประเทศไทยด้วย