วันที่ 22 กรกฎาคม 2564 นายกษิต ภิรมย์ อดีตรมต.ต่างประเทศ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์พรรคร่วมรัฐบาลในการจัดการโควิด-19 โดยเฉพาะปมบริหารจัดการวัคซีนล่าช้าว่า

ข่าวการปะทะคารมระหว่าง นายสิระ (พปชร) กับ นายศุภชัย (ภท) ในเรื่องการจัดการวิกฤติ โควิด-19 ได้สะท้อนให้เห็นรอยร้าวในพรรคร่วมรัฐบาล ว่ายากจะประสานเต็มที เพราะต่างฝ่ายต่างบริหารงานกันไปคนละทาง เหมือนไม่ได้คุยกันก่อนจะลงมือทำงาน

.

ซึ่งถ้าถึงจุดหนึ่งที่ทนกันไม่ได้ ก็คงไม่พ้นที่จะต้องเกิดการยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชนไปตัดสินชะตากรรมการเมืองไทยกันอีกหน ซึ่งดูท่าแล้ว ก็คงไม่น่าจะแก้รัฐธรรมนูญกันทันเป็นแน่

และด้วยเหตุนี้ การเลือกตั้ง และการจัดตั้งรัฐบาล ก็คงวุ่นวายไม่แตกต่างกับครั้งที่ผ่านมา เพราะกติกาชวนปวดเศียรเวียนเกล้าเสียเหลือเกิน

.

ผมเองก็ได้แต่หวังไว้ว่า อย่างน้อย บรรดาท่าน ส.ว.ทั้งหลาย จะแสดงสปิริต ไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเลือกนายกฯ ครั้งต่อไป จะได้เป็นการปลดชนวนไปสักเปลาะ

.

พูดถึงวิกฤติโควิด-19 แล้ว ก็ขอเสริมเรื่องข้อมูล สัญญาการส่งมอบวัคซีน AZ ที่เพิ่งแสดงออกมาให้สาธารณชนรับรู้ ว่าตกลงแล้วไม่ได้มีการตกลงว่าจะต้องส่งให้ครบภายในปีนี้ ซึ่งสวนทางกับแผนเปิดประเทศใน 120 วันของท่านนายกฯ ที่จะต้องฉีดวัคซีนให้คนไทยได้ 50 ล้านโดส

.

ด้วยเหตุนี้ ประชาชนก็ยิ่งสับสนกันเข้าไปใหญ่ ว่าตกลงรัฐฯ จะเอาอย่างไรกันแน่ ก็ขอให้ช่วยแถลงออกมาให้ชัดๆ ตามหัวข้อนี้

1. คิวการจัดส่ง แต่ละลอต จะเป็นอย่างไรกันแน่ ทั้ง AZ และวัคซีนอื่นๆ (ชาวบ้านเขาจะได้เตรียมตัว หน่วยบริการเขาก็จะได้รู้ล่วงหน้า)

2. ตกลงแล้ว AZ ที่ว่าจะได้ จะได้มาจาก Siam Bio Science เจ้าเดียวเลยหรือไม่? หากใช่ เราก็น่าจะกดดัน AZ ได้มากกว่านี้

3. งบที่ใช้ไปกับวัคซีนโควิด-19 ใช้ไปแล้วเท่าไหร่+อย่างไร? และจะต้องใช้อีกเท่าไหร่? ที่มาของงบมาจากไหน? เพราะมันคือการใช้จ่ายงบประมาณของประเทศ ไม่สมควรเป็นความลับ

.

เรื่องเหล่านี้ รัฐบาลต้องแถลงให้กับสังคมรับทราบ

ให้เขาได้เตรียมตัว เตรียมใจกัน

ไม่ใช่มาบอกกันวันต่อวันแบบที่ทำอยู่

หากปล่อยเลยตามเลยกันต่อไป

สังคมไทยคงไม่พ้นจะต้องตกในความกลัว

และความเชื่อมั่นในรัฐบาลก็คงติดลบ

เมื่อนั้นรัฐบาลก็จะบริหารอะไรไม่ได้อีก