ขอบคุณข้อมูลจาก | ข่าวสดออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
วอชิงตันโพสต์ รายงานว่า เมื่อวันพุธที่ผ่านมา หัวหน้าสถาบันวัคซีนแห่งชาติของประเทศไทย ได้ออกมาแถลงขอโทษประชาชนจากการจัดการวัคซีนที่ล่าช้า และไม่เพียงพอต่อสถานการณ์ภายในประเทศ พร้อมทั้งกล่าวจะเข้าร่วมโครงการ COVAX ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหประชาชาติ
ประเทศไทยกำลังต่อสู้กับการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของโคโรนาไวรัสที่กำลังผลักดันให้มีผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตรายใหม่ทำสถิติสูงสุดเกือบทุกวัน และยังมีความกังวลว่าตัวเลขจะแย่ลงกว่าเดิมมาก เนื่องจากรัฐบาลล้มเหลวในการจัดหาวัคซีนที่สำคัญล่วงหน้าก่อนการแพร่ระบาด
การแพร่กระจายของไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่กำลังแพร่ระบาดอยู่นั้นทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง ในขณะที่รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา พยายามหาซื้อวัคซีน เพื่อนำไปเสริมกับวัคซีนที่มีอยู่อย่างจำกัด อย่าง ซิโนแวคและซิโนฟาร์มจากประเทศจีน และแอสตราเซเนกาที่ผลิตภายในประเทศ
ซึ่งนอกจากจะไม่สามารถหาซื้อวัคซีนให้เพียงพอได้แล้วนั้น รัฐบาลยังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง เนื่องจากการศึกษาบางชิ้นแสดงให้เห็นว่าวัคซีนของจีนนั้นมีประสิทธิภาพน้อยกว่าวัคซีนที่ผลิตโดยไฟเซอร์และโมเดอร์นา
“ผมต้องขอโทษประชาชนที่สถาบันวัคซีนแห่งชาติไม่สามารถจัดหาวัคซีนให้เพียงพอกับสถานการณ์ แม้ว่าเราจะพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว” นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีน กล่าวในการแถลงข่าว “การกลายพันธุ์เป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ซึ่งทำให้เกิดการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วกว่าปีที่แล้ว ทำให้ความพยายามในการจัดหาวัคซีนไม่ตรงกับสถานการณ์ปัจจุบัน”
และยังกล่าวว่าประเทศไทยอยู่ในกระบวนการเข้าร่วม COVAX ซึ่งเป็นโครงการที่ระดับโลกมุ่งเป้าไปที่การเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 อย่างเท่าเทียม โดยคาดว่าประเทศไทยจะสามารถรับวัคซีนจาก COVAX ได้ภายในไตรมาสแรกของปีหน้า
ทั้งนี้ประเทศไทย เป็นประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ไม่เข้าร่วม COVAX โดยทางรัฐบาลได้อธิบายในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า เนื่องจากประเทศไทยจัดอยู่ในประเภทประเทศที่มีรายได้ปานกลาง จึงไม่ได้รับวัคซีนฟรีหรือวัคซีนราคาถูกจากโครงการ
และยังอ้างว่าจะมีค่าใช้จ่ายล่วงหน้าที่สูง อีกทั้งไม่รู้ว่าจะได้รับวัคซีนชนิดใดและจะได้รับเมื่อใด ก่อนที่คำอธิบายดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเวลาต่อมา หลังจากที่รัฐบาลนำเข้า ‘ซิโนแวค’ ในราคาสูงอย่างเร่งด่วน ท่ามกลางคำถามที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนดังกล่าวแล้วก็ตาม
ที่มา : washingtonpost