อจ.เศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ แนะรัฐบาลใช้ “กว่างโจวโมเดล” รับมือโควิดเดลต้า ยันไทยต้องการภาวะผู้นำ

อาจารย์เศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ แนะใช้ ‘กว่างโจวโมเดล’ รับมือสายพันธุ์เดลต้า ยันไทยต้องการภาวะผู้นำ มาตรการรอบคอบ

จากกรณีที่ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวระหว่างการประชุมหารือแนวทางการสื่อสารภายใต้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2564 ที่สำนักงานใหญ่ กสทช. เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา ถึงการคาดการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยว่า คาดว่าในอีก 2 สัปดาห์ ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะไม่ลดลง ดังนั้น จึงต้องเพิ่มมาตรการที่เข้มขึ้นเพื่อควบคุมการระบาด หากแนวโน้มตัวเลขผู้ติดเชื้อยังสูงต่อเนื่องใน 2 เดือน ก็มีแนวโน้มจะใช้มาตรการคล้ายเมืองอู่ฮั่นของจีน คือล็อกดาวน์เมืองนั้น เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ประชาชนอยู่บ้าน งดการเดินทาง หรือถึงขั้นต้องส่งข้าว ส่งน้ำตามบ้าน เป็นต้น

ล่าสุด วันนี้ (20 กรกฎาคม) รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณีที่เกี่ยวข้องกันนี้ว่า สิ่งสำคัญและน่าจะเข้ากับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้ามากกว่าคือ “กว่างโจวโมเดล”

“หลายท่านคุยกันถึงเรื่องอู่ฮั่นโมเดล จริงๆ สิ่งที่สำคัญและน่าจะเข้ากับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้ามากกว่าคือกว่างโจวโมเดล

“1.ทั้ง 2 สถานการณ์ ทางการจีนล็อกดาวน์อย่างทันท่วงที กล้าตัดสินใจ แม้จะเสียหายมหาศาลทางเศรษฐกิจ อู่ฮั่นคือเมืองศูนย์กลางทางโลจิสติกส์ของจีน ระบบทางด่วน ระบบรถไฟความเร็วสูง เหนือ-ใต้- ออก -ตก มี interchange ที่อู่ฮั่น เขากล้าปิดเมืองในวันตรุษจีนที่คนจีนเดินทางนับหลายๆ ร้อยล้านคน เศรษฐกิจกำลังเฟื่องฟู

“หรือกรณีกว่างโจว เมืองเอกของมณฑลกวางตุ้งที่ค้าขายระหว่างประเทศมากที่สุด คู่กับเขตเศรษฐกิจฮ่องกง มาเก๊า ในกว่างโจว จีนระดมสรรพกำลังตั้งแต่ตรวจพบคุณผู้หญิงอายุ 75 ปีรายแรกที่ติดเชื้อเดลต้า ถ้าจำเป็นต้องปิดเมืองเพื่อรักษาชีวิต เขาทำทันที ภาวะผู้นำต้องกล้าตัดสินใจ บนข้อมูลที่รอบคอบ รอบด้าน และมีแผนการณ์รองรับ

“2.เร่งตรวจเชื้อเชิงรุก 24 ชั่วโมงต่อวัน 7 วันต่อสัปดาห์ ฝนตก แดดออก กลางดึก ก็มีอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนออกไปเชิญชวนให้คนมาตรวจคัดกรอง

“3.บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ไม่เลือกปฏิบัติ จัดการกับผู้ละเมิดกฎกติการอย่างจริงจัง

“4.จัดหาอาหารและสิ่งของจำเป็น ส่งกำลังบำรุงให้ประชาชนไม่ขาดแคลน ผ่านระบบ Mini-Application บนโทรศัพท์มือถือ แม้ทุกคนในพื้นที่จะไม่สามารถออกนอกที่พักอาศัยได้ ยกเว้นกรณีที่ได้รับอนุญาต

“5.เร่งฉีดวัคซีนให้มากที่สุด และเมื่อเปิดเมืองก็ยังบังคับการ Social Distancing จนทั้งเมืองปลอดเชื้อ จึงเริ่มผ่อนคลายการทำ Social Distanging

“6.ใช้ AI + GPS + QR code + Mini Application ในการบ่งชี้พื้นที่เฝ้าระวัง บ่งชี้ว่าใครสามารถเดินทางได้หรือไม่ได้ และได้แค่ไหน รวมทั้งเฝ้าระวังว่ามีใครละเมิดกฎกติการหรือไม่

“7.มีการวางแผนเผชิญเหตุอย่างชัดเจน รัดกุม รอบด้าน (ทั้งเรื่องมาตรการ กำลังคน อุปกรณ์ และงบประมาณ) เพื่อให้ประชาชนเชื่อใจ และมั่นใจว่ารัฐบาลสามารถจัดการกับปัญหาได้

“นาทีนี้ประเทศไทยก็ต้องการภาวะผู้นำและมาตรการที่รอบคอบครบถ้วนเช่นกันครับ”