สรุปดราม่าธุรกิจ #แบนfoodpanda จากการกล่าวหา ลุกลามลูกค้า-ร้านค้าแห่ยกเลิกแอพฯ

หลังจากที่วานนี้ (18 ก.ค.) มีการชุมนุมใหญ่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ 1. ให้นายกฯ ลาออก 2. ปรับลดงบประมาณสถาบัน-กองทัพมาสู้โควิด 3. เปลี่ยนวัคซีนซิโนแวคเป็น mRNA จนนำมาสู่การปะทะ การใช้แก๊สน้ำตา และกระสุนยางของเจ้าหน้าที่ต่อประชาชน

แต่อีกหนึ่งเรื่องที่กลายเป็นประเด็นร้อนข้ามวัน ก็หนีคงไม่พ้นประเด็น #แบนfoodpanda โดยเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นหลังจากที่ ผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง ได้ทวิตคลิปวิดีโอของผู้ชมนุมรายหนึ่งที่เข้าไปกระทำบางอย่างที่หน้าป้ายที่กำลังถูกเผา ก่อนจะเดินขึ้นไปบนรถจักรยานยนต์ที่รถมีกล่องฟู้ดแพนด้าวางอยู่

จากนั้นแอคเคาท์ของ @foodpanda_th ก็ได้มาตอบกลับว่า “ทางเราจะเร่งดำเนินการตามกฎระเบียบขั้นเด็ดขาดของบริษัท โดยให้พ้นสภาพการเป็นพนักงานทันที ขอเรียนให้ทราบว่า ทางฟู้ดแพนด้ามีนโยบายต่อต้านความรุนแรงและการก่อการร้ายทุกรูปแบบ และยินดีช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการดำเนินคดีต่อคนร้ายอย่างเต็มที่ค่ะ”

จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของกระแสตีกลับอย่างรุนแรง ชาวเน็ตจำนวนมากต่างไม่พอใจ โดยเฉพาะการใช้คำว่า ‘ก่อการร้าย’ ทั้งยังมองว่าทางแบรนด์นั้นมีวิสัยทัศน์ที่สนับสนุนเผด็จการ และการสร้างความรุนแรงต่อประชาชนที่ไปร่วมการชุมนุม รวมไปถึงการตัดสินพนักงาน โดยที่ยังไม่มีการสอบสวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด

ทำให้ทัวร์ลงฟู้ดแพนด้าอย่างหนักจนเกิดแฮชแท็ก #แบนfoodpanda พร้อมทั้งชักชวนให้ลบบัญชี และแอพพลิเคชั่น แต่ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปสักพักก็พบว่า เมนู “ลบบัญชี” กลับหายออกไปจากแอพทำให้ไม่สามารถลบบัญชีทิ้งได้ และเมื่อถามถึงเรื่องดังกล่าว ก็ได้รับข้อความตบกลับมาว่า “ทางเราต้องขอภัย เนื่องจากเกิดข้อผิดพลาดทางระบบจึงทำให้ปุ่มลบบัญชีหายไปในแอปพลิเคชั่นค่ะ”

เรื่องดังกล่าวยิ่งสร้างความไม่พอใจแก่ผู้ใช้มากขึ้น ผู้คนต่างมองว่าการเอาเมนูดังกล่าวออกก็ เพื่อไม่ให้ใครลบบัญชีออกได้ ในขณะเดียวกันร้านอาหารหลายเจ้าก็ได้แสดงจุดยืนของตนเอง บ้างก็ประกาศยุติการร่วมงานจนจนกว่าฟู้ดแพนด้าจะชี้แจงเป็นที่พอใจ บ้างก็ขอยุติการร่วมงานกับฟู้ดแพนด้าเป็นการถาวร

ทว่าจากการแบนดังกล่าวกลับทำให้ไรเดอร์ของฟู้ดแพนด้าได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ไรเดอร์ส่วนใหญ่กล่าวว่าตนกำลังจะได้รับผลกระทบจากเรื่องราวดังกล่าวอย่างหนัก แม้ว่าพวกเขาไม่ได้เห็นด้วยกับข้อความดังกล่าว แต่กลับต้องมารับเคราะห์ บ้างก็กล่าวว่าตนเพิ่งลงทุนไปจนหมดเงิน เพื่อให้เป็นไรเดอร์ ยังไม่ทันรับงานก็ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ บ้างก็ประกาศยุติการทำงานถาวรเนื่องจากจุดยืนที่ต่างกัน

ด้านฟู้ดแพนด้าก็ได้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องราวดังกล่าวว่า “เราขออภัยสำหรับข้อความจากทีมงานที่โพสต์ก่อนหน้า เรายังคงตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ เราขออภัยอย่างสูงสำหรับการตอบกลับคอมเมนต์และการตัดสินใจอย่างไม่ละเอียดถี่ถ้วนที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ในขณะที่ทีมงานยังคงตรวจสอบข้อเท็จจริงของสิ่งที่เกิดขึ้น

เราเสียใจที่ทำให้ผู้บริโภคทุกท่านและร้านค้าพันธมิตรผิดหวังกับการแก้ไขสถานการณ์ในครั้งนี้ อย่างไรก็ตามขอให้ทุกท่านมั่นใจว่า เราจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างระมัดระวังที่สุด ก่อนที่จะให้ข้อมูลในลำดับต่อไป”

แต่ถึงแม้ว่าจะมีการชี้แจงออกมาแล้ว แต่คนก็ยังมองว่าข้อความดังกล่าวยังมีความคลุมเครือ ไม่จริงใจ และข้อความก่อนหน้ายังแสดงถึงจุดยืนทางการเมืองของทางบริษัทได้ชัดเจนที่สุด ซึ่งยังคงทำให้ #แบนfoodpanda ยังเป็นที่พูดถึงบนโลกออนไลน์ และในทวิตเตอร์มีพูดถึงเรื่องราวดังกล่าวแล้วกว่า 1.21 ล้านครั้ง