พท.แฉอีก! สัญญาซื้อ 2 เรือดำน้ำ ไม่ใช่จีทูจี แต่เป็นบริษัท มีสัมพันธ์กับ “ประวิตร”

พท.ข้องใจ กมธ.งบให้ ผบ.เหล่าทัพแจงผ่านออนไลน์ สงสัยต้องการปิดประตูตีแมว หวังผ่านเรือดำน้ำ 2 ลำ แฉ ไม่ใช่สัญญาจีทูจี แต่เป็นบริษัทที่มีความสัมพันธ์กับ “บิ๊กป้อม”

เมื่อวันที่ 16 ก.ค. เวลา 11.10 น.ที่รัฐสภา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และรอประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 พร้อมด้วยนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และโฆษกกมธ.งบฯ ร่วมกันแถลงข่าวเกี่ยวกับการพิจารณางบประมาณในส่วนของกระทรวงกลาโหม ที่พยายามผลักดันให้มีการซื้อเรือดำน้ำ

โดยนายประเสริฐ กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นรองประธานกมธ.งบฯจากพรรคเพื่อไทย เราเข้าใจว่าการประชุมกมธ.ชุดใหญ่ มีความยากลำบาก ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด การมาชี้แจงของผู้บริหารหน่วยงานต่างๆ ก็อาจจะมีบางส่วนที่ไม่สามารถมาชี้แจงในห้อประชุมได้ จึงมีการชี้แจงออนไลน์ ซึ่งในการประชุมกมธ.ฯชุดใหญ่ ในช่วงช้าวันนี้ (16 ก.ค.)มีการหารือในห้องประชุมกมธ. ทางกมธ.ของพรรคเพื่อไทยได้ยกประเด็นกรณีการชี้แจงของกระทรวงต่าๆ ว่ามีความจำเป็นที่ต้องให้ผู้บริหารหน่วยงานรับงบเข้ามาชี้แจงเื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพิจารณา เพราะในอนุกมธ. ทั้ง 9คณะ ก็มาชี้แจงด้วยตัวเอง ดังนั้นก็ควรจะเปิดโอกาสให้หัวหน้าส่วนราชการมา ชี้แจงใน กมธ. ชุดใหญ่ด้วย

ด้านนายยุทธพงศ์ กล่าวว่า การประชุม กมธ.ชุดใหญ่ ขณะนี้เป็นการประชุมแบบออนไลน์ โดยหัวหน้าส่วนราชการไม่ต้องเข้าร่วมประชุม จึงเห็นว่าหัวหน้าส่วนราชการควรมาชี้แจงด้วยตัวเองเพื่อความโป่งใสในการพิจารณางบ อย่างกระทรวงศึกษาธิการ ที่มีการพิจารณางบเป็นจำนวนมาก แต่หัวหน้าส่วนราชการทั้งหมดไม่ต้องมาชี้แจงโดยให้การประชุมแบบออนไลน์ ตนมองว่ามีความผิดปกติ เพราะทั้งอนุกมธ.ฯ หัวหน้าหน่วยราชการมาชี้แจงเองได้

แต่นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ รองประธาน กมธ.ฯ ที่นั่งเป็นประธานอยู่ กลับไม่ยอมโดยอ้างสถานการณ์โควิด ทั้งๆที่โควิดไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่เกิดมานานแล้ว และเมื่อประชุมสภาฯงดประชุม 2 สัปดาห์ แต่อนุญาตให้กมธ.งบฯ ปรชุมได้ และในห้องประชุมกมธ.สามารถให้หัวหน้าส่วนราชการเข้าชี้แจงได้ เพราะมีการเว้นระยะห่างอยู่แล้ว การที่นายวิรัช ไม่อนุญาตตนเห็นว่าเหมือนกับเป็นการปิดประตูตีแมว ที่ไม่ให้ส่วนราชการมาชี้แจง เพราะในวันที่ 19 ก.ค.นี้ กมธ.งบ. จะพิจารณางบของกรทรวงกลาโหม ที่ังคงมีงบจัดซื้อเรือดำน้ำจากจีน 2 ลำ มูลค่า 2.25 หมื่นล้านบาท

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า เป็นความพยายามที่ต้องการผ่านเรือดำน้ำโดยทีไม่ให้ ผบ.เหล่าทัพมาชี้แจง และกมธ.ไม่สามารถตรวจสอบได้ ทั้งๆที่เมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา ผบ.เหล่าทัพ ก็เข้าชี้แจงกับกมธ.ของวุฒิสภาอย่างพร้อมเพียง และที่ผ่านมา ปลัดกระทระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ และปลัดกระทรวงสาธาณณสุข ก็ไม่เห็นมีปัญหา แต่พอถึงงบของกรทรวงกลาโหม จำนวน 2แสนล้านบาท กลับไม่ให้มาชี้แจง

“ปีนี้ยังจะมีความยามผ่านเรือดำน้ำ 2 ลำ ท่ามกลาง ความอดอยากหิวโหยของคนไทย ประชาชนล้มตายทุกวัน วันละประมาร 100 คน คนติดเชื้อโควิดวันละประมาณ 1 หมื่นคน แต่เขาก็ไม่สนใจ จะซื้อเรือดำน้ำให้ได้ ผมจึงต้องฟ้องประชาชนเจ้าของเงินงบประมาณแผ่นดินว่าวันจันทร์นี้จะมีการผ้านเรือดำน้ำ 2 ลำ

ทั้งนี้ผมมีหลักฐานโดย มีสำนักข่าวลงข่าวว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำครั้งนี้เป็นแบบจีทูจี แต่มีนายหน้าเป็นคนไทยประสานซื้อเรือ ของบริษัทซีเอสโอซี ที่เป็นคู่สัญญากับกองทัพเรือ และมีความสัมพันธ์รู้จักกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ดังนั้นพวกผมก็ต้องต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน คนกำลังอดยาก หิวโหย ทำไมต้องมาซื้อเรือดำน้ำในเวลานี้ รัฐบาลทำไมใจดำอย่างนี้ ถึงจะต้องซื้เรือดำน้ำให้ได้” นายยุทธพงศ์ ​กล่าว

นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า ถ้าการจัดซื้อเรือดำน้ำครั้งนี้เป็นจีทูจีจริงทำไมต้อง เอาบริษัทนี้มาเกี่ยวข้อง และทำไมต้องมีคนไทยนามสกุลอำนวยพล มาเกี่ยวข้อง คือ นายอาณัฐ อำนวยพล ซึ่งมีความสัมพันธ์กับ พล.อ.ประวิตร มีการไปบริจาคเงินให้ มูลนิธิป่ารอย ต่อ 5 จังหวัด ของ พล.อ.ประวิตร จึงไม่ทราบว่า เป็นเหตุไม่ให้ผู้นำเหล่าทัพมาชี้แจงต่อกมธ.งบฯ หรือไม่ การให้มาชี้แจงผ่านแบบออนไลน์ก็ทำได้ แต่ขอถามถึงความเหมาะสม เพราะเป็นงบจำนวนมาก อย่างไรก็ตามในวันที่ 18 ก.ค.นี้เวลา 10.00น. ตนจะแถลงแฉ เรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำอีกครั้งว่าสัญญาที่จัดซื้อไม่ใช่จีทูจีจริง และจะคัดค้านไม่ให้มีการจัดซื้อรือดำน้ำ

“ผมเห็นว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำทั้ง 2 ลำไม่ควรชะลอ แต่ไม่ต้องซื้อไปเลย ควรเอาเงินไปซื้อวัคซีน และซื้ออาหารให้คนไทยกินแต่ได้ประโยชน์กว่า ยืนยันว่าเราจะสู้เพื่อประชาชนไม่ยอมให้ผ่าน และขัดขวางเอาชีวิตเข้าแลกให้ถึงที่สุด และมีหลักฐานเด็ดที่จะนำมาต่อสู้ แม้กองทัพเรือที่ดำเนินคดีกับผมก็ไม่หวั่น จะต่อสู้ด้วยชีวิตเพื่อรักษาผลประะโยชน์ของประชาชน พวกผมมาจากการเลือกตั้ง รู้ถึงความอดยาก หิวโหยของประชาชน พวกผมเลือกประชนไม่เอาเรือดำน้ำ”นายยุทธพงศ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายยุทธพงศ์ ได้นำภาพประชาชนนั่งรอรับอาหารที่ชายหาดพัทยา เป็นจำนวนมาก เทียบกับภาพเรือดำน้ำ 2 ลำที่จอดอยู่ที่พัทยา พร้อมข้อความว่า “รัฐบาลควรเลือกอะไร ในวันที่คนไทยกำลังอดยาก”