ไทยจ่อจำกัดส่งออกวัคซีนโควิด อ้างความมั่นคงชาติ เล็งจัดหาแบบ mRNA-โปรตีนซับยูนิต

ไทยจ่อจำกัดส่งออกวัคซีนโควิดเพื่อความมั่นคงชาติ เล็งจัดหาซื้อ mRNA-ซับยูนิตโปรตีน จัดหาเพิ่มอีก 120 ล้านโดสในปี 2565

วันที่ 14 กรกฎาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ พร้อมด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงผลการประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2564 ผ่านระบบออนไลน์

นพ.นคร กล่าวว่า ในการประชุมมีวาระการพิจารณาที่สำคัญ 2 วาระ คือ 1.ที่ประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติให้ความเห็นชอบกรอบการจัดหาวัคซีนโควิด-19 สำหรับประชาชนในปี 2565 เป็นจำนวน อีก 120 ล้านโดส โดยมติของคณะกรรมการวัคซีนฯ ให้จัดหาวัคซีนรูปแบบ mRNA ไวรัลเว็กเตอร์ ซับยูนิตโปรตีน และรูปแบบอื่นๆ ที่เหมาะสมกับสถานการณ์การระบาดและตามจำนวนซัพพลายของวัคซีน และให้คำนึงถึงวัคซีนที่ตอบสนองต่อการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิด-19 การจัดหามีเป้าหมายเพื่อให้วัคซีนมีเพียงพอ สำหรับการฉีดให้ประชากรที่ยังเข้าไม่ถึงวัคซีน และเป็นการฉีดเพิ่มเติมสำหรับกรณีที่ต้องได้รับการกระตุ้นภูมิคุ้มกันในปีถัดไป รวมทั้งสำรองวัคซีนในกรณีที่เกิดการระบาดด้วย ดังนั้น ในกรอบจะเป็นการจัดหาวัคซีนในปีหน้า

“นอกจากนี้ ยังมีมติให้ กรมควบคุมโรค และสถาบันวัคซีนฯ เร่งดำเนินการจัดหาวัคซีนสำหรับปี 2564 ให้ได้ตามเป้าหมาย 100 ล้านโดส ด้วย” นพ.นคร กล่าวและว่า 2.การพิจารณาร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข ภายใต้มาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ.2561 ในการกำหนดสัดส่วนการส่งออกวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายนอกราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ที่ประชุมได้มีการอภิปรายอย่างกว้างขวางและพิจารณาถึงผลกระทบ ความเป็นไปได้ รวมทั้งเรื่ององค์ประกอบอื่นที่ต้องพิจารณาต่อไปข้างหน้า ที่ประชุมจึงให้ความเห็นชอบในหลักการที่จะมีการออกประกาศนี้

“โดยในเวลานี้ มอบให้ฝ่ายเลขานุการ คือ สถาบันวัคซีนฯ และกรมควบคุมโรค พิจารณาทบทวนเนื้อหาร่างประกาศ โดยพิจารณาถึงผลกระทบ คำนึงถึงผลประโยชน์ในด้านต่างๆ ที่จะมีต่อประเทศรวมถึงประชาชนเป็นหลัก และให้ดำเนินการเจรจาอย่างเต็มที่กับผู้ผลิตวัคซีนให้ได้จำนวนวัคซีนที่เหมาะสมกับ สถานการณ์ระบาดของโรคในประเทศก่อน เมื่อได้ผลอย่างไร ให้นำมารายงานในที่ประชุมกรรมการวัคซีนแห่งชาติ เพื่อพิจารณาทั้งในเรื่องผลการเจรจากับผู้ผลิตวัคซีน และเนื้อหาของประกาศนั้น เพื่อให้ที่ประชุมกรรมการวัคซีนแห่งชาติ เห็นชอบร่างประกาศนั้น” นพ.นคร กล่าว