ปธ.หอการค้าไทย-จีน ชี้ศก.จะฟื้น ต้องฉีดวัคซีนให้ได้ 70 % แนะลด-เลื่อนจ่ายภาษี

ปธ.หอการค้าไทย-จีน ชี้ศก.จะฟื้น ต้องฉีดวัคซีนให้ได้ 70% แนะลด-เลื่อนจ่ายภาษี

วันที่ 9 กรกฎาคม 2564 นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีน เปิดเผยว่า หอการค้าไทย-จีน และ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่น ไตรมาส 3/2564 ด้วยการสำรวจความเห็นในรูปแบบออนไลน์ไปยังคณะกรรมการหอการค้าไทย-จีน เครือข่ายสมาพันธ์หอการค้าไทย-จีน และสมาคมธุรกิจต่างๆ กว่า 60 สมาคม ตลอดจนกลุ่มธุรกิจรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการขนาดเล็ก ขนาดกลาง และ ขนาดใหญ่และชาวจีนโพ้นทะเล โดยแบบสอบถามประกอบด้วย 4 ส่วน คือ 1) ประเด็นเฉพาะกิจ หรือเหตุการณ์ 2) ความสัมพันธ์ระหว่างเศรษฐกิจไทย-จีน 3) ตัวชี้วัดภาวะเศรษฐกิจไทย และ 4) ตัวชี้วัดปัจจัยเกื้อหนุน ระหว่างวันที่ 17-22 มิถุนายน 2564 พบว่า

ปัญหาหลักจากการระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง และได้มีการกลายพันธุ์ ของโควิด- 19 ประกอบกับความกังวลในเรื่องความเพียงพอของปริมาณวัคซีนและประสิทธิภาพ ได้กลายเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดความกังวลเป็นอย่างมากกับทิศทางและการก้าวเดินของระบบเศรษฐกิจไทย โดยผู้ตอบคำถามมากถึง 97% มองว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับฟื้นขึ้นมาได้ ก็ต่อเมื่อมีการระดมฉีดวัคซีนให้กับประชาชนให้ได้ 70% ของประชากรโดยเร็วที่สุด อีกทั้งมาตรการที่ต้องทำทันที คือ การคุมเข้มการระบาดในชุมชน และคุมเข้มการลักลอบข้านแดนของแรงงานต่างชาติ เมื่อได้สอบถามถึงความประสงค์ในการฉีดวัคซีนพบว่ามากกว่าร้อยละ 95 ของกรรมการและสมาชิกหอการค้าไทยจัน และสมาพันธ์หอการค้าไทยจีน มีความประสงค์จะฉีดวัคซีนทันที
ข้อเสนอแนะต่อมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการหากจำนวนผู้ติดเชื้อยังไม่ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญในอีก 2 เดือนข้างหน้า มีมาตรการหลักประกอบด้วย การลดภาระภาษีเงินได้นิติบุคคล อาทิ เลื่อนการจ่ายภาษี และลดอัตราภาษีชั่วคราว การปล่อยเงินกู้ให้ครอบคลุมกับผู้ประกอบการมากที่สุด ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำ และมีเงื่อนไขที่ผ่อนปรน และเสนอให้รัฐบาลจัดเงินทุนสนับสนุนเพื่อการจ้างงานโดยวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) แรงงานจะไม่ตกงานและธุรกิจยังพอเดินหน้าต่อไปได้

จากการสอบถามความคิดเห็นของเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนโดยรวมของจีน ในไตรมาสที่ 3 เมื่อเทียบกับไตรมาสปัจจุบัน มากกว่าร้อยละ 50 ของผู้ตอบคำถาม คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะดีขึ้น ขณะที่การค้าระหว่างประเทศระหว่างไทยกับจีนทั้งนำเข้าและส่งออก และการลงทุนจากจีนมาประเทศไทย มีแนวโน้มดีขึ้นในไตรมาสที่ 3 เมื่อเทียบกับปัจจุบัน แต่ความมั่นใจยังไม่สูงเท่าการสำรวจในไตรมาสก่อนหน้านี้

แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในไตรมาสหน้า ผู้ตอบคำถาม 1 ใน 3 คาดว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงไปเมื่อเทียบกับไตรมาสปัจจุบัน ขณะที่ประมาณร้อยละ 40 คาดว่าจะชะลอตัวลง ทั้งนี้ภาคเศรษฐกิจที่น่ากังวล คือ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ส่วนภาคธุรกิจที่จะขับเคลื่อน และพยุงเศรษฐกิจไทยไปได้ ประกอบด้วยธุรกิจออนไลน์ ธุรกิจโลจิสติกส์ พืชผลการเกษตร และธุรกิจบริการสุขภาพ ส่วนแนวโน้มของดัชนีตลาดหลักทรัพย์พบว่าไม่มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นคงเดิมหรือว่าลดลง ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐอเมริกายังมีแนวโน้มทรงตัวหรืออ่อนค่าลงในไตรมาสหน้า