‘จตุพร’ เปล่งวาจาหน้าศาลหลักเมือง ขอปกป้องชีวิตคนไทย รอดพ้นชะตากรรมเลวร้าย

‘จตุพร’ เปล่งวาจาหน้าศาลหลักเมือง ขอปกป้องชีวิตคนไทย รอดพ้นชะตากรรมเลวร้าย

วันที่ 30 มิถุนายน 2564 สืบเนื่องกรณี กลุ่มไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย นัดหมายเดินขบวนจากหน้าลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ ถนนราชดำเนิน ไปยังศาลหลักเมือง เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้ช่วยคุ้มครองประชาชนในเวลา 13.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศเวลาประมาณ 12.20 น. กลุ่ม ‘ภาคีแดงใหม่ 4 ภาค’ นำรถเครื่องเสียงจอดริมทางเท้าหน้าลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ โดยมีกลุ่มคนเสื้อแดงทยอยรวมตัวสมทบ พร้อมด้วยรถเข็นจำหน่ายเครื่องดื่ม ภายใต้การสังเกตการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ

เวลา 12.50 น. พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.ชนะสงคราม พร้อมคณะเดินทางมาถึงลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์

เวลา 13.05 น. แกนนำกลุ่มไทยไม่ทน นำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ เดินทางมาถึงพร้อมด้วยนางพะเยาว์ อัคฮาด หรือ แม่นัองเกด พยาบาลอาสาที่เสียชีวิตจากการสลายชุมนุมเสื้อแดง เมื่อปี 53, นายจอมพล รุ่งเรืองชูเลิศ คณะปราบโกงชาติ, นายพิเชษฐ์ สุจินดาทอง อดีตแกนนำ นปช., นายไทกร พลสุวรรณ, ส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี หรือหมู่อาร์ม เป็นต้น

เวลา 13.15 น. นายจตุพร และกลุ่มแกนนำไทยไม่ทน เข้าสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยจุดธูปและวางพวงมาลัยดอกดาวเรือง

นายจตุพรกล่าวว่า ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวมีเงินเต็มท้องพระคลัง เศรษฐกิจดี ในวันนี้ที่ประเทศมีปัญหา จึงมาขอพร และขอพระบารมีของพระองค์ท่านช่วยปกปักรักษา

จากนั้น เวลาประมาณ 13.20 น. กลุ่มไทยไม่ทน ตั้งแถวบนทางเดินเท้าหน้าลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ เดินมุ่งหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

เวลา 13.30 น. นายไทกร พลสุวรรณ แถลงบนทางเดินเท้าหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ความโดยสังเขปว่า 89 ปีที่ผ่านมา ไทยไม่เคยได้รับประชาธิปไตยที่ต้องมีอิสรภาพ เสรีภาพ ภราดรภาพ ความเสมอภาค สิ่งเหล่านี้คนไทย 70 ล้านคนยังไม่เคยได้ วันนี้ต้องเป็นจุดเริ่มต้นที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันทำให้เกิดประชาธิปไตยที่แท้จริง รัฐธรรมนูญตัองมาจากประชาชน

เวลา 13.35 น. ขบวนถึงอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว มีการกางป้าย ‘ประยุทธ์ออกไป’

นายนันทพงศ์ ปานมาศ เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย แถลงเนื้อหาตอนหนึ่งว่า 7 ปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นแล้วว่า ประยุทธ์ไม่เหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่มีความสามารถ เราออกมายืนยันว่าท่านตัองออกไป หากยังอยู่แม้วันเดียว จะทำให้ไทยเสียโอกาส จนถึงเสียชีวิตผู้คนไปมากมาย ขอดวงวิญญาณวีรชนทุกดวงช่วยให้ประยุทธ์ออกจากตำแหน่งนายกฯโดยเร็วที่สุด

จากนั้น เดินเท้าต่อไป เมื่อผ่านหัวมุมถนนตะนาว เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าพูดคุย โดยขบวนสามารถผ่านไปได้ด้วยดี โดยเลี้ยวขวาหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ ถึงประติมากรรมพระแม่ธรณีบีบมวยผม นายจตุพร และกลุ่มไทยไม่ทนเข้าจุดธูปสักการะ ขอพรให้ผ่านพ้นวิกฤต

เวลา 13.53 น. ตำรวจเข้าพูดคุยกับนายจตุพรอีกครั้ง หลังเสร็จสิ้นการสักการะพระแม่ธรณีบีบมวยผม ก่อนที่ขบวนจะเดินเท้าต่อไปยังศาลฎีกา ถนนราชดำเนินใน

เวลา 14.00 น. นายจตุพรแถลงหน้าศาลฎีกา กล่าวถึงประเด็นการไม่ได้รับความยุติธรรม ในช่วงเวลาเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความปลอดภัยอย่างหนาแน่นตั้งแต่ประตูหมายเลข 3 ถึงช่วงก่อนถึงหัวมุมถนนหน้าหับเผยด้านข้างศาลหลักเมือง โดยจากจุดนี้ ตำรวจแจ้งว่ากำลังเข้าเขตควบคุมสูงสุด จึงอนุญาตเฉพาะแกนนำไม่เกิน 14 ราย, สื่อมวลชน และประชาชน 10 รายเท่านั้น

จากนั้น เมื่อขบวนเดินเท้าถึงหน้าศาลหลักเมือง กลุ่มไทยไม่ทนจุดธูปหน้าป้ายศาลหลักเมือง โดยไม่ได้เข้าไปภายในศาล

เวลาราว 14.15 น. นายจตุพรนำกล่าวสักการะ ความสังเขปว่า วันนี้คณะไทยไม่ทนเดินทางมาขอสักการะศาลหลักเมือง พระสยามเทวาธิราช พระแก้วมรกต และสิ่งศักดิ์สิทธิ์นับแต่ตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ เนื่องด้วยบัดนี้ ประเทศไทยอยู่ในสภาวะที่ประชาชนทุกข์ยากแสนสาหัส ประเทศชาติตกอยู่ในความยากลำบาก

“ข้าพเจ้าและคณะได้ประกาศจุดยืน เรียกร้องให้ผู้ปกครองลาออก แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง สภาพในวันนี้ เศรษฐกิจพัง โควิดคุมไม่ได้ มาตรการก็ลิดรอนประชาชน สร้างความเสียหาย ผู้ปกครองไม่แสดงความรับผิดชอบ

“จึงขอเปล่งวาจาว่า ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์โปรดปกป้องชีวิตคนไทยอย่าให้ตายมากกว่านี้ อย่าติดโควิดมากกว่านี้ อย่าให้อดตายมากกว่านี้ ให้คนไทยกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีผู้ปกครองคนใหม่ที่ดูแลคุณภาพชีวิตประชาชน โดย 1.แก้ปัญหาโควิด 2.แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ 3.แก้รัฐธรรมนูญ ประเทศจะได้เริ่มต้นกันใหม่ นำความผาสุกมายังประเทศไทย ขอบารมีคุ้มครองคนไทยให้รอดพ้นจากชะตากรรมเลวร้าย” นายจตุพรกล่าว

จากนั้น เวลา 14.13 น. นายจตุพรปักธูปลงบนกระถางต้นไม้หน้าป้ายศาลหลักเมือง