ก่อนหน้านี้ องค์การอนามัยโลกได้ระบุว่า โควิดสายพันธุ์เดลต้า จะกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดไปทั่วโลก โดยตอนนี้แพร่ระบาดไปยัง 92 ประเทศแล้ว รวมทั้งยังระบุด้วยว่าเป็นสายพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุด ตั้งแต่โรคเริ่มระบาดเมื่อปีที่ผ่านมา และจะมีผลกระทบต่อประชากรกลุ่มเสี่ยงที่สุด โดยเฉพาะในประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำ

ล่าสุดเดอะการ์เดี้ยนของอังกฤษและสถานีโทรทัศน์เอบี 1 2 ของออสเตรเลีย ได้รายงานการวิจัยในสหราชอาณาจักร นั้นพบว่าผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ นั้นติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้า คิดเป็น 99% บ่งชี้ว่าสามารถแพร่เชื้อได้มากกว่าสายพันธุ์อัลฟ่าประมาณ 60% นอกจากนี้ยังอาจเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่มากขึ้นในการที่ผู้ป่วยต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลและค่อนข้างดื้อต่อวัคซีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากฉีดเพียง 1 โดส

โดยคำเตือนดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่การวิจัยในออสเตรเลียระบุว่าสายพันธุ์เดลต้า สามารถแพร่กระจายได้ง่ายเพียงใด และจากภาพของกล้องวงจรปิด เจ้าหน้าที่สาธารณสุขชี้ให้เห็นว่าการแพร่ระบาดเกิดขึ้นในช่วงเวลา “ประมาณ 5-10 วินาทีระหว่างผู้คนที่เดินผ่านกันย่านช็อปปิ้งในเมืองซิดนีย์”

จึงเป็นไปว่าผู้ป่วยอาจติดเชื้อ จากการอยู่ใกล้พาหะเป็นเวลาสองสามวินาที หากพาหะนั้นหายใจออกแล้วนำอนุภาคไวรัสจำนวนมากมา และผู้ป่วยก็หายใจเข้าไปมันในช่วงเวลาที่พอเหมาะพอดี ซึ่งการติดเชื้อในลักษณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียว

ดร. เคอร์รี แชนต์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรัฐนิวเซาท์เวลส์ กล่าวถึงเหตุการณ์การติดเชื้อในลักษณะดังกล่าวว่า “นี่คือการเผชิญหน้าที่น่ากลัว” และ ดร.ลารา เอร์เรโร นักไวรัสวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยกริฟฟิธก็กล่าวว่า “คุณต้องโชคร้ายมาก และคนที่น่าสงสารมักจะเป็นอย่างนั้น มันโชคร้ายอย่างเหลือเชื่อ”

ด้าน ดร. เจนเน็ตต์ ยัง หัวหน้าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรัฐควีนส์แลนด์ได้เตือนว่าในบางกรณีนั้นเกิดการติดเชื้ออย่างรวดเร็ว “ถ้าคุณจำได้ในช่วงเริ่มต้นของการระบาดใหญ่นี้ ฉันพูดถึงการติดต่ออย่างใกล้ชิดประมาณ 15 นาทีว่าเป็นเรื่องที่น่ากังวล” เธอกล่าว “แต่ในตอนนี้เหมือนว่าจะภายใน 5-10 วินาที มันน่ากังวล และในตอนนี้มีความเสี่ยงสูงกว่าปีก่อนมาก”

จากรายงานดังกล่าวทำให้พบว่าการเข้ามาของเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตานั้นทำให้การอยู่ในบริเวณเดียวกันเพียงระยะเวลาสั้นๆ แค่ 5-10 วินาที ก็อาจเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อแล้ว ทำให้หลายฝ่ายเกิดความกังวลต่อเชื้อกลายพันธุ์ชนิดสายพันธุ์เดลต้าเป็นอย่างมาก เพราะเหตุการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับสายพันธุ์ดั้งเดิมมาก่อน หรือต่อให้เป็นสายพันธุ์อัลฟ่า ทางนักระบาดวิทยาเชื่อว่าคงมีโอกาสน้อยที่จะเกิดการแพร่เชื้อขึ้นในสถานการณ์เช่นนี้